back to top
Saturday, May 17, 2025

วิเคราะห์ AI ฆ่า Software as a Service SaaS Microsoft ก็ไม่เว้น CEO สัตยา นาเดลลา พูดเอง

Share

ปี 2025 เป็นปีของ Trend Agentic AI หรือยุคของการมี AI Agent เข้ามาเป็นเพื่อร่วมงาน ช่วยงานในโลกการทำงานจริง ๆ ในเว็บ Digithun.ai มีบทความพูดถึง Agentic AI หลายบทความทั้งลงลึก Technical และ SaaS Microsoft ภาพกว้างในธุรกิจ เพื่อให้ทุกคนที่สนใจได้เข้าใจ และเป็นแนวทางในการนำไปวางแผนหรือ ถึงขั้นเป็นไอเดียในการเริ่มพัฒนาโครงการด้าน Agentic AI ในองค์กร

AI Agent ที่ทำงานที่ซับซ้อน แบบที่เสร็จในเวลาไม่กี่นาที และถูกต้องแม่นยำ วางแผนการทำงานได้เอง เข้าถึงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ได้ และทำงานอย่างเป็นระบบ มีความจำทั้งระยะสั้นและระยะยาว เข้าถึงเครื่องมือต่าง ๆ ใช้งานอย่างเป็นธรรมชาติ จนได้ผลลัพธ์ตามต้องการ และเรียนรู้ที่จะทำงานให้ดีขึ้นได้เรื่อย ๆ

ยังไม่นับที่ AI Agent ไม่ป่วย ไม่บ่น ไม่ตาย แล้วมนุษย์ทำงานอย่างเราจะเอาอะไรสู้ อ่านองค์ประกอบแบบลึก ๆ ของความสามารถของ Agentic AI หรือถ้าอยาก Hard Core ไปอ่านเรื่องแนวคิด Singularity ก็จะให้ทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองมากขึ้น

Software as a Service กำลังจะตาย

SaaS หรือ Software as a Service คือ รูปแบบการให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบคลาวด์ ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานแอปพลิเคชันได้ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งในระยะหลังทั้งบริษัท และบุคคล ก็เปลี่ยนมาใช้ SaaS มากขึ้นเนื่องจากความสะดวก ทำที่ไหนก็ได้ ลดความยุ่งยาก มีมาตั้งแต่ช่วง ปี 1990s และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยเจ้าที่บุกเบิกการทำ SaaS คือ Salesforce หรือเคสธุรกิจที่พูดถึงเยอะ ๆ คือ Adobe ที่เปลี่ยนโมเดลมาเป็น SaaS จนเติบโตอย่างมาก

บริษัทด้าน เทคโนโลยีจำนวนมาก มีโมเดลการทำงานในรูปแบบนี้ และเติบโตกับผู้ใช้ทั่วโลก กลายเป็นรูปแบบ Model Business ที่เป็นพื้นฐานของโลกเทคโนโลยี Tech Giants ของโลกอย่าง Apple, Adobe, Amazon และ Microsoft ล้วนมีบริการที่เป็น SaaS ทั้งสิ้น

การเปลี่ยนผ่านสู่ยุค “Agent Era” สร้างผลกระทบอย่างมาก ทั้งมุมของผู้ใช้งาน ที่เปลี่ยนประสบการณ์การทำงานไป และมุม SaaS ผู้พัฒนาเองก็จะได้ผลกระทบหากไม่ปรับตัวเอง เพราะอนาคตของซอฟต์แวร์ในยุคของ “Agent-based” ถือเป็นการมาที่จะ Disrupt รูปแบบการพัฒนาแอปพลิเคชัน (Applications) และระบบ Software as a Service (SaaS) กำลังจะถูกแทนที่ด้วย “Agent” หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถจัดการข้อมูลได้โดยตรง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีในวงกว้าง

มีหลายสัมภาษณ์ที่ สัตยา นาเดลลา (Satya Narayana Nadella) CEO ของ Microsoft เองที่มีรายได้จาก SaaS เป็นหนึ่งในรายได้หลักพูดว่า การมาของยุค AI นี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนผ่าน ของ Microsoft เช่นกัน หากไม่ปรับตัว ก็อาจจะถึงจุดจบของบริการได้ Microsoft Office ก็ไม่เว้น ถือเป็นการพูดถึงอนาคต และทิศทางที่ Microsoft เอง ปรับวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนแปลงพัฒนา ยกเครื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และแนวทางการบริการใหม่ ๆ รับการเปลี่ยนแปลงนี้

เนื้อหาเกี่ยวกับวิดีโอ CEO

ของ Microsoft, Satya Nadella ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอนาคตของซอฟต์แวร์ในยุคของ “Agent-based” โดยระบุว่ารูปแบบการพัฒนาแอปพลิเคชัน (Applications) และระบบ Software as a Service (SaaS) กำลังจะถูกแทนที่ด้วย “Agent” หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถจัดการข้อมูลได้โดยตรง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีในวงกว้าง

  • การเปลี่ยนแปลงจากแอปพลิเคชันไปสู่ Agent
    • Nadella กล่าวว่าแอปพลิเคชันในธุรกิจ (Business Applications) จะถูกลดบทบาทและถูกรวมเข้าสู่ระบบที่ขับเคลื่อนโดย “Agent”
    • ระบบ AI จะสามารถเข้าถึงและจัดการฐานข้อมูล (Database) โดยตรง แทนที่จะต้องใช้แอปพลิเคชันที่เป็น User Interface (UI) แบบดั้งเดิม
    • การทำงานต่าง ๆ เช่น สร้างข้อมูล (Create), อ่านข้อมูล (Read), อัปเดตข้อมูล (Update) และลบข้อมูล (Destroy) จะถูกรวมไว้ในระดับ Agent
  • การลดทอนความซับซ้อนของ Business Logic
    • Business Logic (กฎเกณฑ์หรือกระบวนการทำงานต่าง ๆ) จะถูกจัดการในระดับ AI โดยไม่ต้องใช้ชั้นโค้ดที่ซับซ้อนแบบเดิม
    • ยกตัวอย่างเช่น การให้ AI สร้างกราฟลูกค้าหรือส่งอีเมลไปหาลูกค้า สามารถทำได้ด้วยคำสั่งเพียงประโยคเดียว แทนที่จะต้องเขียนโค้ดหลายบรรทัด
  • ผลกระทบต่อ SaaS Industry
    • อุตสาหกรรม SaaS จะได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากหลาย ๆ แอปพลิเคชันในปัจจุบันเป็นเพียงการทำงานที่เชื่อมต่อกับฐานข้อมูล
    • Nadella ตั้งคำถามถึงความจำเป็นของแอปพลิเคชันอย่าง Excel โดยอธิบายว่า ถ้า AI สามารถเขียนโค้ด Python เพื่อจัดการข้อมูลได้โดยตรง ก็อาจไม่จำเป็นต้องมี Excel อีกต่อไป
  • แนวคิด Copilot และการเชื่อมต่อหลายระบบ
    • ระบบ Copilot เป็นตัวอย่างของ Agent ที่สามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน เช่น Word และ Excel โดยเป็นเสมือน “ผู้ช่วย” ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและทำงานตามคำสั่งผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ
    • ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถขอให้ AI วิเคราะห์ข้อมูลและเขียนรายงานใน Word หรือสร้างแผนภูมิใน Excel ได้แบบอัตโนมัติ
  • การเปลี่ยนแปลงในวงการพัฒนาซอฟต์แวร์
    • รูปแบบการพัฒนาแอปพลิเคชันจะเปลี่ยนแปลงจากการออกแบบ UI แบบเดิม ไปสู่การพัฒนาระบบ AI ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ผ่านคำสั่งธรรมชาติ
    • นักพัฒนาซอฟต์แวร์จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI แทนที่จะเน้นการเขียนโค้ดเพื่อสร้างแอปพลิเคชันแบบเดิม ๆ

มุมมองเหรียญอีกด้าน

SaaS จะตาย แน่นอนว่าการมาของ Agentic AI จะเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ SaaS แต่ก็อาจไม่ทั้งหมด การพูดว่า SaaS ตาย ซึ่งในความเป็นจริง AI Service ก็อยู่ในคำจำกัดความเดียวกัน เพียงแต่ว่า การพูดในขั้น Advance AGI อาจจะเพิ่มความสามารถถึงขีดที่การใช้งาน UI แบบเดิม น้อยลงไปจนไม่มี ยกตัวอย่าง การแต่งภาพ กระบวนการตัด ตก แต่ง ใช้หลายเครื่องมือ และขั้นตอนความเชี่ยวชาญของ Designer อย่างมาก แต่ AI สามารถทำได้แค่เพียงพิมพ์คำสั่งงาน ในเชิง Software อื่น ๆ ก็อาจเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกัน

ในอีกมุมมอง การเติบโตของ AI ทำให้ SaaS มีศักยภาพมากขึ้น ในทางใดทางหนึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ทำให้ประสบการณ์และวิธีเปลี่ยน แต่ไม่ใช่การบอกว่า AI ทำให้ SaaS ล้าสมัย

มีคำพูดที่ สัตยา นาเดลลา กล่าวถึงการที่ Agentic AI จะสามารถทำงานได้ โดยมี Business Logic ในความเป็นจริง การใส่ Goal และ Business Logic เป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบเป้าหมายของงานให้ AI แต่ในความเป็นจริงมีเป็นที่ถกเถียงว่า ในการทำธุรกิจ ระบบธุรกิจต้องการความแม่นยำและความเสถียร ระบบธุรกิจ เช่น CRM, HR, และ ERP ต้องอาศัยการประมวลผลตามกฎทางธุรกิจ (Business Rules) อย่างเคร่งครัด การให้ AI ให้ทำงานตาม Business Rules อย่างมีประสิทธิภาพต้องใช้ทรัพยากรสูงมาก ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือเกิดจาก “Hallucinations” อาจส่งผลกระทบร้ายแรง

การปล่อยให้ AI ตัดสินใจทำ Goal ที่ซับซ้อนไปเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป AI ควรเป็นส่วนเสริม ไม่ใช่การแทนที่ Business Logic มุมผมเองเป็นไปใน Concept Sigularity แต่เราจะแน่ใจและไว้ใจได้แค่ไหนเป็นเรื่องของอนาคต

การนำ AI มาใช้ในระบบ SaaS ต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ ผู้ให้บริการ SaaS ต้องพิจารณาความต้องการของลูกค้า และผสาน AI ให้เสริมจุดแข็งของระบบเดิม ไม่ใช่ลดทอนประสิทธิภาพ

ก็มีมุมมอง Negative ในคำพูดของ CEO Microsoft มี Bias การทำให้เกิดความสนใจด้วย Impact Statement สร้างความสนใจไปสู่ผลิตภัณฑ์ของ MS และ OpenAI ในทางอ้อม เพราะอยู่ในช่วงขาขึ้น และกำลังอยู่ในช่วงผู้คนทุกแวดวงให้ความสนใจ

ปัจจุบัน การทำงานของ AI ใน Co-Pilot ก็ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอและทำงาน อย่างสะเปะสะปะ การพูดใน Keyword ที่สร้างแรงกระเพื่อมเช่นนี้ ก็เป็นกลยุทธ์ ที่ CEO ใช้กระแสความตื่นเต้นของ AI เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาของ Microsoft เช่น การเปิดตัว Copilot ที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น เนื่องจากเป็นการรวม AI หลายตัวที่แยกกันทำงาน และยังขาดการผสานรวมให้เป็นระบบเดียว (อ้างอิงคำพูด Simon Chan 陳敬嚴)

Is SaaS dead? Not quite, but it’s evolving rapidly SaaS ไม่ตายเร็วๆ นี้ แต่วิวัฒนาการจะเปลี่ยนไปแบบโคตรเร็วหลังการมาของ AI Agent

บทความที่วิเคราะห์และเรียบเรียงได้อย่างหน้าสนใจ จากเว็บ CIO ลิ้งไปอ่านฉบับเต็มด้านล่างนะครับ แต่ถ้าเวลาน้อยผมเอาสาระสำคัญมาให้ดังนี้

Long live value-based SaaS

SaaS จะยังอยู่ต่อ แต่เป็นแบบที่เน้นคุณค่า SaaS ไม่ได้หายไป แต่กำลังวิวัฒนาการเข้าสู่รูปแบบที่ฉลาดขึ้น มีการรวม AI และเน้นคุณค่าทางธุรกิจมากขึ้น สิ่งที่เรากำลังเห็นไม่ใช่จุดจบของ SaaS แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมที่เติบโตเต็มที่ มีการเสริมด้วย AI บทความ CIO สรุป การปรับตัวที่จะเกิดขึ้นจาก การมาของ AI ของ SaaS ว่า เมื่อมีการมุ่งเน้นไปที่คุณค่าของประโยชน์ของ SaaS ซึ่งผลที่ตามมา

  • ธุรกิจ SaaS อาจจะต้องทบทวนการคิดราคาใหม่ จาก SubScription รายเดือน เป็นรูปแบบอื่น หรือ กลับมาดูว่า โมเดลการคิดราคาเหล่านี้สอดคล้องกับมูลค่าที่ลูกค้าได้รับหรือไม่? อาจจะเป็น Consumption-based Pricing ในกรณีที่เหมาะสม เพราะโมเดลนี้มักให้ความสอดคล้องกับการใช้งานจริงและมูลค่าที่ได้รับมากกว่า
  • การเอา AI เข้ามามีส่วนร่วมในการปรับปรุงบริการ SaaS อาจจำเป็นต้องปรับให้เกิดการ รวมโซลูชันที่แยกย่อยให้เป็นระบบเดียว เพราะ การมีโซลูชันแยกย่อยจำนวนมากอาจนำไปสู่ความไม่มีประสิทธิภาพและความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น การรวมระบบยังช่วยทำให้การจัดการ IT ง่ายขึ้นและปรับปรุงการบูรณาการข้อมูล
  • พิจารณาโซลูชัน SaaS ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรม (Vertical SaaS) ซึ่งมักจะมาพร้อมฟังก์ชันที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกระบวนการธุรกิจเฉพาะ พิจารณาใช้ Composable Solutions ที่ช่วยให้คุณสร้างแอปพลิเคชันแบบกำหนดเองจากส่วนประกอบสำเร็จรูป เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและการปรับตัว
  • SaaS ต้องรักษาความคล่องตัวของตัวเองให้ได้มากที่สุด เพราะภูมิทัศน์ของ SaaS กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

TDLR; Key Takeaways

ผลกระทบของ Agentic AI ต่ออุตสาหกรรม SaaS โดยสรุปได้ดังนี้:

ข้อโต้แย้งหลัก: Agentic AI กำลังจะปฏิวัติวงการซอฟต์แวร์ โดยอาจทำให้รูปแบบ SaaS แบบเดิมๆ ล้าสมัย CEO ของ Microsoft อย่าง Satya Nadella ได้แสดงความคิดเห็นว่าแอปพลิเคชันต่างๆ อาจถูกแทนที่ด้วย AI Agents ที่สามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลโดยตรงได้ ซึ่งจะลดความซับซ้อนของ Business Logic และเปลี่ยนวิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์ไปอย่างสิ้นเชิง

ข้อโต้แย้งที่ขัดแย้ง: แม้ว่า Agentic AI จะมีศักยภาพสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่า SaaS จะตายไปทั้งหมด AI Agents อาจไม่สามารถแทนที่ Business Logic ที่ซับซ้อนและต้องการความแม่นยำสูงในระบบธุรกิจอย่าง CRM, HR, และ ERP ได้อย่างสมบูรณ์ ความเสี่ยงจากความผิดพลาดของ AI (Hallucinations) ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณา ดังนั้น AI ควรจะเป็นส่วนเสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ SaaS ไม่ใช่การแทนที่ทั้งหมด

มุมมองที่เป็นกลาง: ทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า SaaS กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน มันไม่ได้ตาย แต่กำลังวิวัฒนาการไปสู่รูปแบบที่ฉลาดขึ้นและเน้นคุณค่าทางธุรกิจมากขึ้น การรวม AI เข้ากับ SaaS จะเป็นกุญแจสำคัญในการปรับตัว และผู้ให้บริการ SaaS จำเป็นต้องปรับตัวโดย:

  • ทบทวนโมเดลการกำหนดราคา: อาจเปลี่ยนจาก Subscription เป็น Consumption-based pricing เพื่อให้สอดคล้องกับมูลค่าที่ลูกค้าได้รับ
  • รวมโซลูชันที่แยกย่อยให้เป็นระบบเดียว: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซับซ้อน
  • พิจารณาโซลูชัน SaaS ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรม (Vertical SaaS): เพื่อให้เหมาะสมกับกระบวนการธุรกิจเฉพาะ
  • ใช้ Composable Solutions: เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและการปรับตัว
  • รักษาความคล่องตัว: เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรม

ข้อสรุป: Agentic AI เป็นเทคโนโลยีที่ทรงพลังและจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรม SaaS แต่การล่มสลายของ SaaS นั้นเป็นการพูดที่เกินจริง อนาคตของ SaaS อยู่ที่การปรับตัวและการผสานรวม AI เข้ากับระบบอย่างชาญฉลาด ผู้ให้บริการ SaaS ที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในยุคของ Agentic AI นี้

โดยสรุป สำคัญของ SaaS อยู่ที่สมดุลครับ ไม่ใช่การล่มสลายของ Model แบบ SaaS แต่เป็นการเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับตัวและนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มคุณค่าและประสิทธิภาพให้กับบริการ SaaS

อ้างอิง
https://www.cio.com/article/3627921/is-saas-dead-not-quite-but-its-evolving-rapidly.html
https://www.linkedin.com/pulse/saas-dead-long-live-devan-dewey-f6lqe/
https://www.cio.com/article/3627921/is-saas-dead-not-quite-but-its-evolving-rapidly.html

Niwat Chatawittayakul
Niwat Chatawittayakulhttp://www.digithun.com
คุณตั้น นิวัฒน์ ชาตะวิทยากูล ผู้ก่อตั้ง และ CEO บริษัท ดิจิทัน เวิลด์ไวด์ บริษัท Data & AI Tech Talant ในประเทศไทย เชี่ยวชาญด้าน การบริหารจัดการการทำ Data and AI Solutions รวมไปถึงการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน มีประสบการณ์ดูแลโครงการ Data ขนาดใหญ่ระดับประเทศ และอยู่เบื้องหลังโครงการด้าน AI ให้กับหลายองค์กรชั้นนำ

Read more

คุณน่าจะชอบบทความนี้