back to top
Saturday, May 17, 2025

ทฤษฎีโลกจำลอง “ความเป็นเอกฐานของ AI” AI Singularity Eras ความไม่แน่นอนและผลกระทบมหาศาล ของอนาคตมนุษย์

Share

เรามาถึงยุค Agentic Era แล้วนะครับ AI สามารถเรียนรู้ วิเคราะห์ แก้ปัญหา ทำงานจนสำเร็จเป้าหมาย และเรียนรู้ปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง แล้วยังปรับตามความชอบของผู้ใช้งาน อ่านคำนิยามความสามารถของ AgenticAI

การพัฒนาของ AI ไต่อันดับความเข้มข้นของการพัฒนาเข้าสู่การเป็น “Artificial General Intelligence (AGI)” และต่อเนื่องไปสู่ “Artificial Super Intelligence” (ASI) และ จากนั้นเราก็จินตนาการภาพหนัง ไซไฟล้ำ ๆ ซักเรื่องนึง ที่โลกของเราจะไม่เหมือนเดิม เมื่อเราต้องอยู่กับ AI ที่ฉลาดกว่าและเหนือกว่ามนุษย์ในทุก ๆ ด้าน

จุดกำเนิดแนวคิดและความหมาย Singularity

เดิมที “Singularity” เป็นคำศัพท์ในฟิสิกส์ดาราศาสตร์ (Astrophysics) หมายถึง “ภาวะเอกฐาน” ของหลุมดำ (Black Hole) ซึ่งเป็นจุดที่สภาพฟิสิกส์ทั่วไปใช้อธิบายไม่ได้อีกต่อไป ต่อมาแนวคิดนี้ถูกนำมาใช้เปรียบเทียบกับวิวัฒนาการของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ว่าจะไปถึงจุดที่ระบบอัจฉริยะก้าวไปไกลจนมนุษย์ไม่สามารถทำนายหรือควบคุมได้

“Singularity” เริ่มมีอิทธิพลสำคัญในแนวคิดนิยายวิทยาศาสตร์ ที่มีทั้งเกมส์ และ หนังออกมา คำว่า “Singularity” เริ่มเป็นคำที่แพร่หลายตั้งแต่ปี 2005 หนังสือ ‘The Singularity is Near’ ของ Ray Kurzweil ถูกตีพิมพ์ ทำให้แนวคิดนี้โด่งดัง เป็นการพูดถึงการทำนายโลกอนาคตด้าน AI ในหนังสือเล่มนี้ได้รับคำวิจารณ์มากมาย และกลายเป็นแนวคิดที่ท้าทายโลกของความก้าวหน้า

สาระสำคัญในหนังสือ The Singularity is Near’ คาดการณ์ว่า เราจะเข้าสู่จุดที่คอมพิวเตอร์มีศักยภาพทางปัญญาเหนือมนุษย์และพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

“ปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์” ความน่ากลัว “การระเบิดของสติปัญญา” (Intelligence Explosion)

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในความรู้ของ คอมพิวเตอร์ที่เหนือมนุษย์ จนเรียกได้ว่าเป็น “การระเบิดของสติปัญญา” (Intelligence Explosion) แนวคิด “Intelligence Explosion” อธิบายว่า เมื่อ AI สามารถออกแบบหรือปรับปรุงตัวเองได้ (Recursive Self-Improvement) ความฉลาดจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ (Exponential Growth) เหมือน “ปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์” ที่ลุกลามรวดเร็ว

ความน่ากลัวของคำทำนายอนาคตก็คือ เมื่อถึงจุดหนึ่ง AI ไม่ได้ต้องการให้มนุษย์มาเป็นผู้ปรับปรุงหรือเขียนโค้ดเพิ่มเติม แต่ระบบสามารถพัฒนา ออกแบบ หรือสร้าง AI รุ่นใหม่ที่ฉลาดขึ้นเองได้เรื่อยๆ จนอาจเกิดการระเบิดในเชิงสติปัญญาอย่างหยุดไม่อยู่

ทฤษฎีโลกจำลอง (Simulation Hypothesis) และการเชื่อมโยงกับ Singularity

บางแนวคิดเชื่อว่า เมื่อ AI ฉลาดระดับซูเปอร์ (Super Intelligence) มันอาจ “จำลอง” โลกให้มนุษย์อยู่ในนั้นโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับภาพยนตร์ “The Matrix” แนวคิดนี้บอกว่า “เราอาจอยู่ในยุคหลังซิงกูลาริตี้แล้ว แต่ไม่รู้ตัว เพราะเราถูก AI จำลองไว้” ซึ่งเป็นโครงเรื่องไซไฟที่กระตุ้นให้ตั้งคำถามถึงความจริงและตัวตน

Keanu Reeves Wasn't the First Choice For Neo in 'The Matrix'

ช่วงยุคของซิงกูลาริตี้ มักมีการแบ่งยุคหรือ “ไทม์ไลน์” ของ AI Singularity ออกเป็น 3 ส่วนกว้างๆ ดังนี้ครับ

  1. Post-Singularity: ก้าวข้ามจุดที่ AI ฉลาดเหนือมนุษย์แล้ว สังคมและโครงสร้างเดิมอาจเปลี่ยนโฉมไปหมดสิ้น
  2. Pre-Singularity: ก่อนถึงจุดเอกฐาน AI ยังอยู่ในช่วงที่มนุษย์ควบคุมและกำกับได้เป็นส่วนใหญ่
  3. Underway-Singularity: เกิดการเปลี่ยนผ่าน AI เริ่มพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดด ซึ่งไม่รู้จะกินเวลานานเท่าใด

จริง ๆ เรื่องนี้ตอนหนังสือออกมามีการคำวิจารณ์ที่หลากหลาย แต่ได้ฉุดให้เราเกิดความคิดถึงคำว่า แล้วอนาคตเราจะทำอย่างไร มันมีความเป็นไปได้ที่หลากหลาย เกิดทั้งมุมมองที่เป็นบวก และลบ ซึ่งโดยสรุปดังนี้

มุมมองแง่บวก (Optimistic) มองเรื่องนี้ยังไง
หาก AI ฉลาดมากจริงๆ มันสามารถช่วยแก้ปัญหาใหญ่ของมนุษยชาติได้ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคร้าย การจัดการสิ่งแวดล้อม การทำวิจัยขั้นสูง และอื่นๆ การมาถึงของซิงกูลาริตี้อาจนำพา “ยุคทอง” ของเทคโนโลยีมาช่วยเหลือมนุษย์ อันนี้จินตนาการส่วนการใช้ชีวิตของเราจะเหมือนกึ่งเทพ เพราะ AI แทบจะทำให้เหล่าหลงเหลือกิจกรรมทางการทำงาน และชีวิตน้อยกว่าที่ควรจะเป็นเมื่อเทียบกับยุคเก่า

มุมมองแง่ลบ (Pessimistic) มองเรื่องนี้อย่างไร
ฝั่งที่กังวลเกรงว่า เมื่อ AI ฉลาดล้ำมนุษย์ มนุษย์อาจสูญเสียการควบคุม และ AI อาจทำสิ่งที่ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของมนุษย์ หรือมองเราว่าเป็นอุปสรรค ความเสี่ยงนี้รวมถึงการถูกครอบงำหรือทำลายล้างอย่างรวดเร็ว (Existential Risk) ลองดูให้หนังเรื่อง Singularity ปี 2017 ดูครับ AI สามารถฆ่าคนบนโลก 8,000 ล้านในเวลา 1 วัน ด้วยการใช้เครื่องจักและควบคุมอุปกรณ์ทุกอย่างได้ 🔥🤬

แล้วตอนนี้เราอยู่ช่วงไหนของ The Singularity

The singularity, Human intellect, AI, and trans-human
https://www.youtube.com/watch?v=Aa83vRghue4

แล้วตอนนี้เราอยู่ช่วงไหนของ The Singularity มี Content นึงใน YouTube พูดถึงภาพนี้ซึ่งชี้จุดตัดของ การคาดการณ์ว่าตอนนี้ เรากำลังจะเข้าสู่ The Singularity ดูจาก Portion ระยะห่างน่าจะเกิดขึ้นช่วง 2030 คำทายของ เรย์ เคิร์ซเวลล์ (Ray Kurzweil) ทำนายไว้ว่า AGI จะเกิดปี 2029

ถ้าตามที่ คำพูดความ Sam Alman ล่าสุด Tweet ผ่าน X ซึ่งสาระสำคัญก็คือ “เราอาจกำลังอยู่ ณ หรือใกล้ หรือแม้แต่กำลังผ่านช่วงเวลาสำคัญของความก้าวหน้าในด้าน AI ที่เรียกว่าความเป็นเอกฐานของ AI (AI singularity) ซึ่งหมายความว่า ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) หรืออาจเป็นปัญญาประดิษฐ์ขั้นเหนือมนุษย์ (ASI) กำลังจ้องมองพวกเราอยู่ตรงๆ” นั่นหมายความว่า ตอนนี้น่าจะเกิดขึ้นแล้ว

สิ่งสำคัญคือห้ามหยุดตั้งคำถาม

ความฉลาดของ Machine Intelligence ก็คือ AI จะตัดกับความฉลาด “สติปัญญาของมนุษย์” ที่มีแนวโน้มค่อยๆ สูงขึ้นทีละน้อยตามระยะเวลา ดูเติบโตช้า ความน่าสนใจอยู่ที่เส้นสีเขียวคือ Trans Humans ชี้ไปที่ช่วงพุ่งสูงของเส้น AI ซึ่งสื่อว่านอกจาก AI จะฉลาดเหนือมนุษย์แล้ว อาจมีการหลอมรวมระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี (เช่น การอัปเกรดร่างกายด้วยเทคโนโลยี หรือมีอินเทอร์เฟซสมองกับคอมพิวเตอร์) ทำให้เกิดมนุษย์ยุคใหม่ที่เกินขอบเขตมนุษย์ปกติ (Transhuman) คล้ายกับในหนังเรื่อง Bionic เหนือมนุษย์ และอีกในหนังหลาย ๆ เรื่อง เอาคำคมของไอสไตน์มาฝาก

อ่านบทความนี้ แล้วลองตั้งคำถามกันเล่น ๆ จินตนาการโลกของคุณในอีก 5-20 ปี ที่ AI ฉลาดกว่าเราในทุก ๆ ด้านทำงานหลายอย่างได้แทนเรา ลดความสำคัญของเราลง AI อยู่ในทุกอย่าง เหมือนที่เรามีที่ไฟฟ้าอยู่ในทุกอุปกรณ์รอบตัว อย่าหยุดตั้งคำถาม ทั้งต่อ AI ในปัจจุบันและความเป็นไปได้ในอนาคตของเทคโนโลยีนี้ เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนมีส่วนได้ส่วนเสียกับผลลัพธ์ที่จะตามมา

Niwat Chatawittayakul
Niwat Chatawittayakulhttp://www.digithun.com
คุณตั้น นิวัฒน์ ชาตะวิทยากูล ผู้ก่อตั้ง และ CEO บริษัท ดิจิทัน เวิลด์ไวด์ บริษัท Data & AI Tech Talant ในประเทศไทย เชี่ยวชาญด้าน การบริหารจัดการการทำ Data and AI Solutions รวมไปถึงการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน มีประสบการณ์ดูแลโครงการ Data ขนาดใหญ่ระดับประเทศ และอยู่เบื้องหลังโครงการด้าน AI ให้กับหลายองค์กรชั้นนำ

Read more

คุณน่าจะชอบบทความนี้