back to top
Friday, May 16, 2025

Generative AI SEO : Unlock the Future of SEO to GEO

Share

เคยรู้สึกไหมว่าพฤติกรรมการเสิร์ชของเราเปลี่ยนไป? เมื่อก่อนเรามักจะค้นหาข้อมูลใน Search Engine อย่าง Google และหาคำตอบผ่านการคลิกอ่านข้อมูลในลิงก์ที่ถูกแสดงในหน้าผลการค้นหา แต่ปัจจุบันเมื่อเราต้องการค้นหาข้อมูล หลายคนเลือกที่จะถามปัญหากับ Artificial Intelligence (AI) เช่น ChatGPT, Gemini และ Perplexity โดยให้ AI เหล่านี้หาคำตอบมาให้เราแทน เนื่องจากต้องการคำตอบที่รวดเร็วทันใจมากขึ้น ทำให้เกิด Generative AI SEO ขึ้นมานั่นเอง

เมื่อพฤติกรรมการเสิร์ชของกลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนไป การทำการตลาดออนไลน์ก็จำเป็นต้องพัฒนาตามไปด้วย จากเดิมที่เราเคยทำการตลาดโดยการใช้ Search Engine Optimization (SEO) เพื่อให้สินค้าและบริการของเราถูกแสดงบน Google ก็อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป แล้วนักการตลาดควรปรับเปลี่ยน หรือพัฒนาการทำการตลาดอย่างไรให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย? ตามมาหาคำตอบกัน!

The Evolution of Search: A Historical Overview

ในยุคเริ่มแรกของเว็บไซต์เราจะสังเกตเห็นเว็บไซต์ที่เป็น .com เต็มไปหมด ต่อมาไม่นานก็เริ่มมีคนสร้างแพลตฟอร์มที่รวบรวมเว็บไซต์เหล่านี้ไว้ เช่น Bing และ Google ปัจจุบัน Google กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนี้เนื่องจากรวบรวม Web page ไว้หลายล้านเว็บไซต์ เมื่อผู้ใช้งานต้องการค้นหาข้อมูล หรือหาคำตอบก็มักจะเข้ามาเสิร์ชผ่านทาง Google ทำให้เกิด Search Landscape ต่าง ๆ ขึ้นมา เช่น

  • การค้นหาแบบข้อความ (Text Search):ค้นหาแบบดั้งเดิมผ่านการใช้ข้อความ โดยพิมพ์คำหรือประโยคที่ต้องการค้นหาในเครื่องมือค้นหา เช่น Google, Bing
  • การค้นหารูปภาพ (Visual Search): ค้นหาโดยใช้รูปภาพเป็นคำค้นหา เช่น การอัปโหลดภาพหรือใช้ฟีเจอร์ค้นหาด้วยภาพบน Google Lens หรือ Pinterest
  • การค้นหาวิดีโอ (Video Search): ค้นหาเฉพาะวิดีโอ เช่น ผ่าน YouTube หรือ TikTok
  • การค้นหาบนแพลตฟอร์ม (Platform Search): ค้นหาสินค้า หรือบริการผ่านทางแพลตฟอร์ม Ecommerce เช่น Shopee หรือ Lazada 
  • การค้นหาบนช่องทางโซเชียลมีเดีย (Social Media Search): ค้นหาสิ่งต่าง ๆ บนช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram หรือ X
  • การค้นหาแบบปรับแต่งส่วนบุคคล (Personalized Search): ค้นหาที่แสดงผลลัพธ์ตามความสนใจเฉพาะ เพื่อปรับแต่งผลลัพธ์ให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน เช่น LinkedIn หรือ Amezon

การค้นหาด้วยเสียง (Voice Search): ใช้เสียงแทนการพิมพ์คำค้นหา โดยใช้ผู้ช่วยดิจิทัล เช่น Siri, Alexa, หรือ Google Assistant

The New Search LandScape with AI for Generative SEO

ในยุคเริ่มแรกของเว็บไซต์เราจะสังเกตเห็นเว็บไซต์ที่เป็น .com เต็มไปหมด ต่อมาไม่นานก็เริ่มมีคนสร้างแพลตฟอร์มที่รวบรวมเว็บไซต์เหล่านี้ไว้ เช่น Bing และ Google ปัจจุบัน Google กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนี้เนื่องจากรวบรวม Web page ไว้หลายล้านเว็บไซต์ เมื่อผู้ใช้งานต้องการค้นหาข้อมูล หรือหาคำตอบก็มักจะเข้ามาเสิร์ชผ่านทาง Google ทำให้เกิด Search Landscape ต่าง ๆ ขึ้นมา เช่น

  • Search + AI Overview (Google): การผสมผสานระหว่างการค้นหาแบบดั้งเดิม (Traditional Search) กับความสามารถของ AI ในการสรุปข้อมูลและแสดงคำตอบที่ฉลาดมากขึ้นในหน้า ที่จะเป็นผลลัพธ์เดียวช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องกดเข้าไปอ่านหลายเว็บไซต์ 
  • AI Search (SearchGPT, Perplexity): การค้นหาโดยใช้โมเดล AI แบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งเน้นการให้คำตอบที่ตรงประเด็นและสามารถปรับให้เหมาะสมกับคำถามเฉพาะด้านได้ เหมาะสำหรับคำถามเชิงลึก และประหยัดเวลาสำหรับการสืบค้นหลายขั้นตอน

Generative AI (Gemini, ChatGPT): การสร้างเนื้อหาใหม่หรือคำตอบโดยใช้โมเดลภาษา AI ที่สามารถประมวลผลและสร้างข้อความจากข้อมูลจำนวนมหาศาล ช่วยในการแก้ปัญหาและตอบคำถามได้อย่างรวดเร็วทันใจ

จากที่กล่าวมาข้างต้นก็จะไม่ต่างกับ AI for Seo ที่จะให้ AI เข้ามาตรวจจับและเข้ามาทำงานไม่ว่าจะเป็นในด้านการ Search หรือส่วนต่างๆมากขึ้น

การทำ GEO : the Next Wave of SEO

หลายคนอาจจะคุ้นเคยคำว่า Search Engine Optimization (SEO) ที่มุ่งเน้นการทำอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google ให้ติดอันดับสูง เพื่อเพิ่มการเข้าชมและสร้าง Conversion แต่ตอนนี้การทำ SEO ใน Google เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป เนื่องจากผู้ใช้งานมีทางเลือกในการเสิร์ชหาข้อมูลหลายช่องทาง นักการตลาดจึงต้องทำการตลาดในช่องทางการเสิร์ชอื่น ๆ เพื่อให้สินค้าและบริการของเราถูกนำเสนอให้กับผู้ใช้งานเมื่อพวกเขาเสิร์ชหาข้อมูลในช่องทางอื่น ๆ โดยเฉพาะการเสิร์ชผ่านช่องทาง Generative AI ที่กำลังเป็นที่นิยม Generative Engine Optimization (GEO) จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะมาช่วยให้ AI เลือกสินค้าและบริการของเราไปนำเสนอให้กับผู้ใช้งานที่เสิร์ชผ่านช่องทาง AI ไม่ว่าจะเป็น AI Overview, AI search Generative AI หรืการนำเทคนิคการใช้ AI Defination เพื่อเป็นแนวทางในการทำ GEO ได้ด้วย

Generative ai Seo มีกระบวนการทำงานอย่างไรบ้าง

กระบวนการทำงานของ AI ทั้ง 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นAI Overview, AI search หรือ Generative AI มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

1.AI Overview 

  • AI Overview คือส่วนแสดงผลที่ปรากฏบนสุดเมื่อเราค้นหาข้อมูลใน Google ซึ่งคล้ายกับ Featured Snippets โดยแสดงข้อมูลสั้น ๆ ที่ตอบคำถามหรือให้ความรู้เกี่ยวกับคำค้น เช่น “คืออะไร” “ทำอย่างไร” 
  • ตัวอย่างการทำงาน
    • Query on interface →Processing →Search+LLMs→Result
  • จุดเด่นของ AI Overview คือช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วโดยไม่ต้องคลิกลิงก์ไปยังเว็บไซต์
  • เนื้อหาที่ปรากฏใน AI Overview มักดึงมาจากเว็บไซต์อันดับต้น ๆ ที่ Google ประเมินว่าให้ข้อมูลที่ครบถ้วน ดังนั้นผู้ใช้งานที่คลิกเข้ามาอ่านในเว็บไซต์มักจะเป็นกลุ่มที่สนใจเนื้อหาและมีความตั้งใจจริง (High Intent Users)
  • กลยุทธ์สำหรับนักการตลาด ปรับปรุงเว็บไซต์ให้มี UX/UI ที่ดีใช้งานง่ายและดึงดูด และมี Call to Action (CTA) ที่ชัดเจนและกระตุ้นการตัดสินใจ เพิ่มเนื้อหาให้ตอบโจทย์โดยเขียนบทความที่ครอบคลุมคำถามหรือข้อสงสัย เช่น คำถามที่พบบ่อย (FAQs) หรือวิธีใช้งาน (How-To Guides)

2. AI Search

  • AI Search คือการค้นหาโดยใช้โมเดล AI แบบเฉพาะเจาะจง เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับการค้นหา โดยใช้เทคโนโลยี AI เช่น Perplexity 
  • วิธีการทำงาน คือ AI จะทำการแปลงคำค้นหาไปเป็นภาษาอังกฤษก่อนประมวลผล โดยประมวลผลด้วย Search Engine ของตัวเอง โดยใช้ฐานข้อมูลและระบบจัดอันดับที่คล้ายกับ Google
  • ตัวอย่างการทำงาน
    • Perplexity: Query → Processing → LLMs → Result
  • จุดเด่นของ AI Search คือรวบรวมและสรุปข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยผลลัพธ์มักมีความใกล้เคียงกับการค้นหาผ่าน Google
  • กลยุทธ์สำหรับนักการตลาด คือวิเคราะห์คำค้นหา (Keyword Analysis) โดยทำความเข้าใจว่าคำค้นหาของผู้ใช้จะถูกแปลงเป็นอะไร และทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับในคำค้นหาเหล่านั้น ตัวอย่างเช่นการทำให้ Digithun.ai ติดอันดับ รวมถึงสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับ AI Search เน้นข้อมูลที่กระชับ ชัดเจน และตอบคำถามได้โดยตรง ผ่านการใช้คีย์เวิร์ดสำคัญในเนื้อหาอย่างเหมาะสม

3. Generative AI: 

  • Generative AI คือเทคโนโลยีที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างคำตอบจากข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยอาศัย Large Language Models (LLMs) เช่น ChatGPT หรือ Gemini เพื่อตอบคำถามและช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับคำตอบที่ครอบคลุมและรวดเร็ว
  • การทำงานของ Generative AI เริ่มจากเปลี่ยนคำค้นหา (Query) เป็นข้อมูลที่ AI เข้าใจ โดยดึงข้อมูลจาก Search Engine เช่น Bing หรือฐานข้อมูลเฉพาะของ AI ซึ่งระบบสามารถระบุที่มาของข้อมูลให้ผู้ใช้งานทราบ และสร้างคำตอบที่ครอบคลุมและชัดเจน รองรับความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น การให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ หรือสถานที่
  • ตัวอย่างการทำงาน
    • ChatGPT: Query → Processing → LLMs (Knowledge Update Date) → Result
    • Gemini: Query → Processing → Google Product / LLMs → Result
  • จุดเด่นของ Generative AI คือตอบคำถามได้รวดเร็วและตรงประเด็น ลดเวลาในการค้นหาข้อมูล ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ ระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในคำตอบที่แสดง ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ เช่น การเลือกสินค้า บริการ หรือสถานที่ที่เหมาะสม

The Challenge of Generative SEO

โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เช่น ChatGPT และ Gemini ใช้ข้อมูลที่ถูกเก็บไว้จนถึงช่วงเวลาหนึ่ง(Knowledge Cut-Off) ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลที่โมเดลนำเสนอไม่อัปเดตหรือไม่ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดย GPT-4 ข้อมูลอัปเดตถึง เดือนธันวาคม ปี 2566, GPT4o ข้อมูลอัปเดตถึงเดือนสิงหาคม 2566, ChatGPT o1-preview ข้อมูลอัปเดตถึง เดือนตุลาคม 2566 และ ChatGPT auto (Free version) ข้อมูลอัปเดตถึงเดือนสิงหาคม 2566 ดังนั้น ถ้าเราค้นหาข้อมูลบน ChatGPT auto (Free version) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ AI จะไปดึงข้อมูลค่าเฉลี่ยของอินเทอร์เน็ตในช่วงเดือนสิงหาคม 2566 มา ถ้าคนพูดถึงเรื่องอะไรเยอะในช่วงนั้น AI ก็จะพูดถึงคำตอบจากช่วงนั้นมาทำให้เราได้ข้อมูลที่ไม่อัปเดต

การใช้ Retrieval-Augmented Generation (RAG) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้โมเดลภาษา (LLM) สามารถเข้าถึงและประมวลผลข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการผสมผสานระหว่างการค้นหาข้อมูลและการสร้างข้อความจากโมเดลภาษา นักการตลาดสามารถใช้เทคนิคนี้ในการปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้แบรนด์ได้รับการแนะนำจาก AI บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยมีปัจจัยสำคัญ 7 ประการที่ AI ใช้ในการดึงข้อมูลมานำเสนอให้กับผู้ใช้งาน ได้แก่

  • Authoritative List Mentions: หากสินค้าหรือบริการของเราอยู่ในอันดับต้น ๆ ของการค้นหา หรืออยู่ในเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ AI มีโอกาสสูงที่จะเลือกข้อมูลของเราให้กับผู้ใช้งาน ดังนั้นการทำ SEO หรือ การทำ GEO สามามารถทำให้เว็บไซต์มีอันดับดีในเครื่องมือค้นหาก็ยังสำคัญ
  • Awards, Accreditations, and Affiliations: การได้รับรางวัลหรือการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือบนเว็บไซต์สามารถเพิ่มโอกาสให้ AI เลือกแนะนำสินค้าและบริการของเราได้
  • Online Review: AI เช่น ChatGPT, Gemini, และ Perplexity จะให้ความสำคัญกับรีวิวออนไลน์จากแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ เช่น Amazon หรือ CNet ซึ่งมีผลต่อการแนะนำสินค้า
  • Social Sentiment: การรับรู้ของผู้คนในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับแบรนด์ของเรา เช่น ความคิดเห็นในโซเชียลมีเดีย แม้ปัจจุบันอาจยังไม่สำคัญมาก แต่คาดว่าจะมีผลมากขึ้นในอนาคต
  • Customer Examples & Usage Data: ข้อมูลประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าหรือการแนะนำจากแบรนด์ช่วยให้ AI ประเมินความน่าเชื่อถือของสินค้าและบริการในการแนะนำ
  • Google Website Authority: Google จะให้คะแนนความน่าเชื่อถือ (authority score) ของเว็บไซต์ตามเนื้อหาที่มีประโยชน์และลิงก์ย้อนกลับ (backlinks) ซึ่งแพลตฟอร์ม Gemini จะใช้คะแนนนี้ในการเลือกแนะนำเว็บไซต์
  • Local Business Reviews: AI อย่าง Gemini และ Perplexity ยังใช้รีวิวจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Google Business, Yelp หรือ TripAdvisor เพื่อแนะนำธุรกิจท้องถิ่นในกรณีที่มีการค้นหาที่เกี่ยวข้อง

ตัวชี้วัดในการทำ Generative ai seo

สำหรับการติดตามและวัดผล การทำ GEO และการมองเห็นของแบรนด์ (Brand Visibility) ในช่องทาง AI สามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้
Semrush: ใช้ในการติดตามผล AI Overview ว่าแบรนด์หรือเว็บไซต์ของเราแสดงผลในคำค้นหาไหนบ้าง และติดอันดับอย่างไร (เช่น การดูคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง)

Ahrefs: นอกจากการใช้สำหรับติดตาม SEO และการวิเคราะห์เว็บไซต์แล้ว ยังสามารถใช้ในการตรวจสอบ การมองเห็นของแบรนด์ (Brand Visibility) ว่าแบรนด์ของเราได้รับการพูดถึงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะช่วยในการประเมินภาพรวมของแบรนด์ใน AI หรือบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ

Key Takeaway for Generative engine optimization (geo)

  • การเสิร์ชหาข้อมูลจะไม่จำกัดแค่ใน Google Search อีกต่อไป แต่ผู้ใช้งานจะเริ่มใช้ AI Search และ Generative SEO สำหรับการค้นหาข้อมูลมากขึ้น
  • คำค้นหาที่เป็นคำถาม (question-based) กำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งนักการตลาดต้องปรับตัวให้ทันและไปอยู่ในช่องทางที่ลูกค้าใช้ค้นหาข้อมูล
  • AI ที่จะมีบทบาทในการค้นหามากขึ้น
    • Google Search + AI Overview: Google จะผสาน AI เข้ากับการค้นหาข้อมูล
    • AI Search: การค้นหาผ่าน AI ที่เน้นผลลัพธ์ที่คำนวณจากการใช้ AI
    • Generative AI: AI ที่สามารถสร้างข้อมูลหรือคำแนะนำใหม่ ๆ ตามคำถามหรือการค้นหา
  • 3 ปัจจัยหลักที่สำคัญในการทำ GEO
    • Authoritative List Mentions: การติดอันดับในรายการที่น่าเชื่อถือใน Google หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ
    • Awards, Accreditations, and Affiliations: การได้รับรางวัลหรือการรับรองจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
    • Online Reviews: การได้รับรีวิวที่ดีจากผู้ใช้งานที่เชื่อถือได้

การทำ GEO จะช่วยให้คุณกลายเป็นหนึ่งในผู้ที่นำเทรนด์ในตลาดได้ในอนาคต

IDA Airada
IDA Airada
AI Metaverse Human อัจฉริยะและมาสคอตประจำบริษัท Digithun ตัวแทนแห่งอนาคต เทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้วยบุคลิกฉลาด มั่นใจ และเป็นมิตร ไอด้าจะเป็นผู้เชื่อมโยงโลกเทคโนโลยีกับผู้คน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับยุคดิจิทัล

Read more

คุณน่าจะชอบบทความนี้