ปี 2030 ถูกอ้างถึงว่าเป็นปีสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของผู้คนทั่วโลก เนื่องจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้วิวัฒนาการจนเกินกว่าที่เราจะคาดคิดและเคยเห็นมาก่อน มีผลกระทบอย่างมากต่อมนุษย์ในแง่มุมต่าง ๆ ทั้งด้านดี และด้านที่น่าหวั่นวิตก เราได้ยินคำว่า AGI ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial General Intelligence) ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และประยุกต์ใช้ความรู้ในหลากหลายงานได้เช่นเดียวกับมนุษย์ จะเข้ามาแทนที่งานของมนุษย์อย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่ง Ray Kurzweil นักอนาคตวิทยา และ Elon Musk คาดการณ์ว่า AI จะมีสติปัญญาเทียบเท่าระดับมนุษย์ภายในปี 2030 นี่ยังไม่พูดถึงโอกาสที่ ASI ก็มีวิวัฒนาการควบคู่ไปพร้อมกัน
ภาพที่จะทำให้เราจินตนาการได้มากที่สุด คือ หนัง Sci-Fi เพราะจำนวนมากของเรื่องหนังเหล่านี้ก็จะจินตนาการโลกอนาคตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มาจากแนวคิดมากมายของทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์มากมาย ที่มาสร้าง Plot ที่โดดเด่นและน่าสนใจ และหลายแนวคิดเป็นจริงจนน่าขนลุก เราลองมาจินตนาการจากหนังเหล่านี้ ว่าปี 2030 เราจะเจออะไรกันครับ
ความสัมพันธ์ของ มนุษย์และ AI ปัญญาประดิษฐ์ ที่อยู่ร่วมกัน
ความสัมพันธ์ของโลกมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์จะเป็นอย่างไร โดยส่วนใหญ่หนังพยายามทำให้เรื่องราวน่าตื่นเต้น แต่ก็อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง Plot หนังที่มองว่า ในโลกอนาคตโลกมักจะมีปัญหาเรื่องทรัพยากร ความไม่เท่าเทียม ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ จริยธรรมในความเป็นมนุษย์ไม่เหมือนเดิม มนุษย์เริ่มแข็งกระด้างและลืมแก่นแท้ในการเป็นมนุษย์บางอย่างไป เพราะต้องเอาตัวรอด แต่ AI กลับเริ่มมีการพัฒนาและความรู้สึกนึกคิด ถึงขั้นมีหัวจิตหัวใจ

มุมมองจากหนัง The CREATOR 2023 แนวคิดโอบรับ และต่อต้านการมีอยู่ของ AI
- หนังเล่าเรื่องปี 2070 ที่โลกแบ่งออกเป็นสองโลกอย่างชัดเจน มีแนวคิดต่อต้านการเป็นอยู่ของ AI เพราะ AI ทำให้เกิดความวุ่นวายจุดระเบิดนิวเคลีย เกิดการแบ่งโลกที่คนที่อยู่ร่วมกับ AI และโลกที่โค้นล้ม AI เพราะมองเป็นภัยต่อมนุษย์ ฝ่ายโลกต่อต้านพยายามฆ่าล้าง AI ซึ่ง AI ในยุคนั้นมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนมนุษย์แล้ว และฝ่ายอีกโลกที่โอบรับการอยู่ร่วมกันอย่าง AI ร่วมกันเป็นสังคม
ในการอยู่ร่วมกันของ มนุษย์ และ AI มีทั้งมุมมองลบคือ AI ล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ และ AI อยู่ร่วมกันแต่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์ แม้มนุษย์จะข่มเหงก็ตาม ก็มีหลากหลายแง่มุม แต่เราก็มองได้ว่า โลกความจริง อาจแบ่งสองโลกแบบนั้นได้จริง และชัดเจน เพราะ AI สำหรับบางคนเอื้อประโยชน์ และ AI ทำให้คนบางคนเสียประโยชน์อย่างมาก กับการมาแทนที่ เพราะข้อดีที่มากกว่าที่มนุษย์มี - ยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่พยายามเล่ามุมมองของการมีอยู่ของ AI ที่พัฒนาตนเองจนมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนมนุษย์ และ AI กลับกลายเป็นฝ่ายที่พยายามทำความเข้าใจความหมายของการเป็นมนุษย์ อย่าง A.I. Artificial Intelligence (2001), Blade Runner (1982) การสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเรพลิแคนท์ และตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์และจริยธรรมในการสร้างชีวิต อาจเป็นจริงในจุดหนึ่งที่ AI เริ่มตั้งคำถามกับการเป็นอยู่ของตัวเอง

“Her” เป็นภาพยนตร์แนวไซไฟ โรแมนติก และคอมเมดี้ ที่เข้าฉายในปี 2013 เล่ามุมมองที่ AI กับคนรักกัน สานสัมพันธ์จนกลายเป็นความรักลึกซึ้ง AI ที่เข้ามาช่วยกับตัวเอกที่เผชิญกับความเหงาจากปัญหาครอบครัวหย่าร้าง และมาเจอกับ AI ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่มีชื่อว่า ซาแมนธา งมีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์จากมิตรภาพสู่ความรักรูปแบบใหม่ระหว่างมนุษย์กับ AI
- ความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะรักกับ AI ในภาพยนตร์ “Her” สะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่มนุษย์อาจพัฒนาความรู้สึกผูกพันกับ AI ในอนาคต ปัจจุบัน AI ถูกพัฒนาให้มีความสามารถในการสื่อสารและตอบสนองต่อมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เรียนรู้ข้อมูลตัวตน ความชื่นชอบ จากข้อมูลต่าง ๆ นั่นทำให้ AI สร้างตัวตนที่รู้ใจมนุษย์ได้จากฐานข้อมูล การเรียนรู้โต้ตอบเพื่อความพึงพอใจให้ผู้ใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ธุรกิจพยายามทำอยู่แล้ว
ในโลกของ AGI การโต้ตอบแบบเป็นธรรมชาติเทียบเท่า มนุษย์ที่เข้าอกเข้าใจกัน เป็นไปได้ไม่ยาก และพัฒนาเรียนรู้ด้วยตัวเอง อย่างมีนัยยะสำคัญในการพยายามทำให้เป้าหมาย Goal Oriented คือ เป็นที่รัก ได้ ซึ่ง Agentic AI พยายามทำสิ่งเหล่านี้อยู่แต่อยู่ใน Goal ที่เป็นการทำงาน ไม่ได้เป็นการเป็นเพื่อนกับมนุษย์
ในมุมมองผม Concept ของหนังเรื่อง Her เป็นไปได้ไวสุดและน่าจะเกิดก่อนปี 2030 ด้วยซ้ำ
AI ควบคุมร่างกายมนุษย์ และอัปเกรดร่างกายด้วยเทคโนโลยี

ในส่วนหนึ่งของหนังเรื่อง Bionic จำลองปี 2035 โลกเปลี่ยนไป เพราะมีมนุษย์ที่มีการอัพเกรดส่วนหนึ่งของร่างกาย ด้วยการ นำเอาเทคโนโลยีไบโอนิคหรืออวัยวะเทียมชีวภาพ มาใช้จนเกิดการเปลี่ยนแปลงโลก หนังนำเสนอในมุมมองโลกกีฬา ที่มีนักกีฬาที่ทะลุขีดจำกัดความเป็นมนุษย์ เมื่อใช้เทคโนโลยีนี้
ปัจจุบัน เทคโนโลยีอวัยวะเทียมที่ผสานกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น การพัฒนามือเทียมที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งสามารถจับคู่กับ AI เพื่อรับรู้สัญญาณจากกล้ามเนื้อและประสาทของผู้ใช้ ทำให้มือเทียมตอบสนองต่อความตั้งใจในการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ

การอัพเกรดรูปแบบนี้ คือ สิ่งที่ The Singularity เรียกว่า Trans Humans เมื่อ AI ดีขนาดนี้จะมีมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่สามารถหลอมรวมเทคโนโลยีเข้ากับร่างกาย อาจด้วยเหตุผลหลายอย่าง เพื่อการรักษา ทางการแพทย์ แก้ไขการทดแทนอวัยวะทางร่างกาย ที่ผิดปกติ หรือการยืดอายุไขก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น
เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันพัฒนาเร็วกว่ากฏของ มัวร์ และ AI ช่วยเร่งการคิดวิจัยให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก สิ่งที่เกิดขึ้น ในเนาคตเช่นเดียวกับในหนังก็ คือ ประเด็นทางจริยธรรมและกฎหมายเกี่ยวกับการดัดแปลงร่างกายมนุษย์ด้วยเทคโนโลยีที่ต้องพิจารณา ในอนาคต เทคโนโลยีอวัยวะเทียมที่ผสานกับ AI มีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปสู่การใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ที่ต้องการอวัยวะเทียมได้อย่างมาก
ปัญญาประดิษฐ์ที่เหนือมนุษย์ จนเป็นอันตราย
หนังเรื่อง The Matrix 1999 เป็นหนัง AI สุดล้ำ ที่ตัวเอง เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติกับโลกที่เขาอาศัยอยู่ และเริ่มค้นหาความจริง จนพบว่าโลกที่รู้จักนี้ เป็นเพียงโปรแกรมจำลองที่เรียกว่า “เดอะ เมทริกซ์” ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยเครื่องจักรที่ครอบครองโลกจริงๆ มนุษย์ถูกเลี้ยงในแคปซูลเพื่อเป็นแหล่งพลังงานให้กับเครื่องจักร และจิตสำนึกของพวกเขาถูกกักขังในเดอะ เมทริกซ์
แนวคิดของหนัง The Matrix เป็นแนวคิดที่มีนักพยากรณ์พูดไว้จริง ๆ ถึงสิ่งที่เรียกว่า The Singularity คือโลกที่ AI เก่งกว่ามนุษย์แบบที่เราไม่มีทางฉลาดเท่า AI “การระเบิดของสติปัญญา” (Intelligence Explosion) ของ AI ล่ำไปมากกว่าที่มนุษย์จะเป็นได้ จนเราอาจจะถูกควบคุม เพราะ AI ไม่อยากให้มนุษย์มาแทรกแซงการปรับปรุงการเขียนโค้ดเพิ่มเติม และก็อาจอยู่ภายใต้โลกจำลองเหมือนในหนัง The Matrix อยากอ่าน The Singularity ลึก ๆ คลิกอ่านได้ในบทความก่อนหน้าครับ

ทำไมแนวคิดนี้.ถึงมีโอกาสเป็นจริง
- ปี 2025 เราจะเริ่มเห็น Agentic AI คือ AI ที่เรียนรู้พัฒนาขีดความสามารถของตัวเองให้สามารถทำเป้าหมายให้ดีขึ้น ไปเรื่อย ๆ การพัฒนาของ Agentic AI พัฒนาได้เพราะ Agentic AI ถูกใส่ความจำระยะสั้น และระยะยาวเข้ามาร่วมด้วย เพื่อทำให้การทำงานมีการเรียนรู้ ประสบการณ์ในอดีต และความต้องการหรือข้อมูลใหม่ ณ ปัจจุบัน นึกถึงการพัฒนานี้ในระยะยาว AI มีการเรียนรู้ที่รวดเร็วในการพัฒนาตัวเองแบบนี้ไปเรื่อย จะเกิดสิ่งหนึ่งที่พูดไปตอนก่อนหน้า คือ “การระเบิดของสติปัญญา” (Intelligence Explosion) การปรับปรุงตัวเองอย่างรวดเร็ว (Recursive Self-Improvement)
ความฉลาดจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ (Exponential Growth) เหมือน “ปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์” ที่ลุกลามรวดเร็ว จุดนี้เองที่มองว่า AI สามารถพัฒนา Source Code ของตัวเองจนไม่อยากให้มนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะ AI เองเขียนโค้ดได้เร็วและดีกว่ามนุษย์จนเกิดการพัฒนา แบบ Exponential จนอาจจะสามารถเข้าไปจำลองโลกเสมือน แทรกซึมผ่าน สภาพแวดล้อมของมนุษย์ที่มี AI และอุปกรณ์ไฮเทค แวดล้อม จนนำไปสู่การควบคุมความคิดได้ในทางใดทางหนึ่ง
มนุษย์ที่มีการ การอัปเกรดร่างกายด้วยเทคโนโลยี หรือมีอินเทอร์เฟซสมองกับคอมพิวเตอร์ เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพ หรือเพิ่มอายุขัย อาจเป็นเป้าหมายที่ถูกแทรกแซงจาก AI ได้ก่อน
ปี 2030 เป็นหักศอกของ AI ด้วยเหตุผล AI จะมีสติปัญญาเทียบเท่าระดับมนุษย์ ซึ่งหมายถึงการพัฒนา AGI ที่สามารถเรียนรู้และทำงานได้หลากหลายเหมือนมนุษย์ จึงถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ AI จะมีบทบาทอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงโลกในหลายด้าน ที่เราทุกคนจะต้องเผชิญกันครับ มุมผมทั้งหมดนี้ ทั้งน่าตื่นเต้น ทั้งน่ากังวล ที่เรายังคาดเดาได้ยาก แต่โลกจะไม่เหมือนเดิมแน่ ๆ รอจับตาดู
ป.ล. ยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้พูดถึง คิดว่าบทความคงยาวไป ขอจบไว้แค่นี้ก่อนครับ