back to top
Saturday, May 17, 2025

Unlocking AI Automation: Creating Agentic AI with Crew ai

Share

ปัจจุบัน AI Agent นั้นได้เป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในวงการ Generative AI และ Large Language Models (LLMs) ซึ่งตัว Crew ai นี้จะมาช่วยยกระดับการทำงานของ Generative AI และการใช้งานของมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยหลักการแล้ว Agent จะถูกออกแบบให้มีการทำงานแทนคนโดยอัตโนมัติ จะมีการตัดสินใจที่จะทำงานเอง คิดการกระทำเองว่าต้องทำอะไรต่อไปเพื่อให้ได้บรรลุเป้าหมายที่ได้กำหนดเอาไว้

Agent ก็จะสามารที่จะทำงานได้หลากหลายรูปแบบ หลากหลายโดเมน ทำงานที่มีความซับซ้อนได้เอง โดยอาศัยเทคนิคหรือเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานได้ อย่างเช่นการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและช่วยตัดสินใจต่างๆ จากข้อมูล

ในบทความนี้จะแสดงการสร้าง Agent ด้วย LLMs โดยเราจะพัฒนา agent มาช่วยในการเขียนบทความ (blog) ซึ่ง agent ก็จะถูกออกแบบให้มีการทำงานแบบอัตโนมัติเช่นการค้นหาข้อมูลก่อน วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมา และสร้างบทความขึ้นมาใหม่จากข้อมูลที่ได้มา ซึ่งเราจะเพิ่มให้ LLMs Agent นั้นมีความสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลที่อยู่บน internet มาช่วยประกอบการทำงาน

โดยเราจะพัฒนา AI agent ด้วยการใช้ LLM model ที่เป็น Gemini 1.5 flash, Langchain และ CrewAI

AI Agent & AI Agentic

แล้ว AI Agent นั้นต่างจาก AI Agentic อย่างไร 

  1. Agent AI: ปกติจะใช้อธิบายระบบหรือ AI ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งแบบอัตโนมัติโดยจะยังอาศัยมนุษย์หรือระบบอื่นๆ ประกอบการทำงาน อย่างเช่น แช็ตบอทในการตอบคำถามผู้ใช้งาน ที่ถูกออกแบบมาให้
  2. Agentic AI: จะอ้างอิงถึงการนำเอา Agent AI มาทำงานร่วมกันและสร้างให้เกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์ ค้นหาข้อมูลและตัดสินใจการทำงานด้วยตัว Agent เองทั้งหมด เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพท์ (Goal) ที่มนุษย์ได้กำหนดให้

เราจะพัฒนาขึ้นมาใช้เองได้อย่างไร แนะนำเริ่มต้นกับ CrewAI

มาเข้าใจ Concept การทำงานและหลักการคร่าว ๆ กันก่อนครับ

  1. Agents คือ หน่วยการทำงานที่อิสระที่รับผิดชอบในการทำงานหรือ tasks ซึ่งแต่ละ agent ก็จะประกอบด้วย
    • Role: นิยามถึงความรับผิดชอบหลัก
    • Goal: ระบุผลลัพท์ที่ได้จากการทำงานนี้
    • Backstory: ข้อมูลประกอบการทำงานเพื่อให้การทำงานนี้ได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด
  2. Tasks คือ  งานที่ถูกมอบหมายให้ agent ทำงาน ซึ่งจะประกอบด้วย
    • Description: คำอธิบายหรือรายละเอียดว่า agent นั้นจะต้องทำอะไรบ้าง
    • Expected Output: ส่วนการวัดผลสำคัญเพื่อยืนยันว่างานนั้นสำเร็จจริงๆ
    • Assigned Agent: ตัว agent ที่ได้รับมอบหมายในการทำงานนี้
  3. Crew คือ กลุ่มของ Agent ที่ร่วมกันทำงานด้วยกันเพื่อให้งานนั้นสำเร็จ ซึ่งจะทำงานแบบต่อเนื่องกันเป็นลำดับก็ได้หรือทำงานในรูปแบบร่วมกันทำงานพร้อมๆ กันก็ได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบการทำงาน
  4. Process คือ การอธิบายว่ารูปแบบการทำงานนั้นจะเป็นลักษณะใด
    • Sequential: การทำงานแบบเป็นลำดับขั้นตอนต่อๆ กัน
    • Hierarchical: การทำงานในลักษณะมีส่วนการจัดการการทำงานแบบเป็นโครงสร้าง

Agent คิดอย่างไร

โดยปกติแล้ว Agent จะมีการใช้งาน Prompt Engineer ในรูปแบบของ ReAct และ CoTs ด้วย ซึ่งตัว agent จะทำงานแบบอัตโนมัติตั้งแต่กระบวนการคิดและวางแผนการทำงานว่าจะทำอย่างไรให้ได้ผลลัพท์ออกมา 

  1. Thought: คือกระบวนการคิดและวางแผนก่อนว่าจะต้องทำ action อะไรบ้าง
  2. Action: คือกระบวนการทำงานโดยตัว LLM จะทำงานตามสิ่งที่ได้คิดมาก่อนหน้า
  3. Action input: แต่ละ Action ก็จะต้องการข้อมูลประกอบการทำงานเหมือนการเขียนโปรแกรมแบบฟังก์ชั่น ตัว Action input ก็จะเปรียบเทียบได้กับ input parameter
  4. Observation: ตัว Agent จะทำการดูผลลัพท์ที่ได้จากการ action และตรวจสอบดูว่าได้ข้อมูลที่ต้องการหรือยัง

โดยกระบวนการนี้จะเป็น Loop การทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผลลัพท์สุดท้ายที่ต้องการกลับออกมา

LLM และ ตัวอย่าง Code Flow การทำงาน

ในที่นี้เราจะเลือกใช้ Gemini 1.5 flash บน VertexAI ใน Google Cloud Platform  เป็น LLM ในการสร้างกลุ่ม Agent

โดยรูปแบบการทำงานจะเป็นในลักษณะ Multi-Agent นั่นคือ agent แต่ละตัวจะทำงานร่วมกัน ในกลุ่มการทำงานนี้ตัว agent จะช่วยกันค้นหาข้อมูลและเขียนบล็อกในหัวข้อที่มนุษย์กำหนดให้ โดยแต่ละ agent ก็จะมีหน้าที่รับผิดชอบและงานที่ต้องทำแตกต่างกันไป และได้ผลลัพท์สุดท้ายเป็นบล็อกที่ผ่านการตรวจสอบจาก agent กันเองเช่นเดียวกัน

Code สามารถทำตามข้อมูลด้านล่างได้เลย

  1. ติดตั้ง dependencies
pip install crewai langchain
  1. กำหนดการทำงานของ LLM
from langchain_google_vertexai import ChatVertexAI
llm = ChatVertexAI(   model="gemini-1.5-flash-002",   temperature=0,   max_tokens=None,   timeout=None,   max_retries=2,)
  1.   กำหนดเครื่องมือที่จะให้ Agent ใช้งาน
serper_tool = SerperDevTool()

scrape_tool = ScrapeWebsiteTool()
  1.   สร้าง Agents 
Planner

planner = Agent

   role="Content Planner", 

   goal="Develop a comprehensive and structured content outline for {topic}, including key sections, subsections, and supporting points.", 

   backstory="An expert content strategist skilled at breaking down complex topics into manageable parts.",

   llm=llm, 

)

Agent planner จะทำหน้าที่กำหนดโครงสร้างและหัวข้อของบล็อกที่จะเขียนว่ามีหัวข้ออะไรบ้างจาก topic ที่ได้มา

Researcher

researcher = Agent(

 role='Research',

 goal="Provide an indepth research report on a single or list of {topic}",

 backstory='An expert researcher with a keen eye for details on a topic.',

 verbose=True,

 max_iter=3,

 tools=[serper_tool],

 llm=llm,

)

Agent researcher จะทำหน้าที่ค้นหาข้อมูลที่มีอยู่ในอินเตอร์เน็ตผ่านเครื่องมือที่ชื่อว่า serper_tool ในหัวข้อที่ได้รับ

Writer

writer = Agent

   role="Content Writer", 

   goal="Produce captivating and informative blog posts about {topic}.", 

   backstory="A versatile writer passionate about simplifying complex ideas.", 

   llm=llm, 

)

Agent writer จะทำหน้าที่สร้างบทความตามโครงสร้างที่ได้ออกแบบมาจากข้อมูลที่ได้ทำการค้นหามาเช่นกัน

Editor

editor = Agent

   role="Content Editor", 

   goal="Refine the blog post, ensuring clarity, coherence, and grammatical accuracy.", 

   backstory="A meticulous editor with a strong eye for detail.", 

   llm=llm, 

)

Agent Editor จะทำหน้าที่ตรวจสอบและแก้ไขบทความให้มีความสมบูรณ์และน่าอ่าน

6.  สร้าง Tasks ให้ Agents ทำงาน

Plan

plan = Task

   description="Create a detailed content outline for {topic}, including main sections and key points.", 

   expected_output="A structured outline for {topic}, with headings and bullet points.", 

   agent=planner, 

)

กำหนดแผนการทำงานว่าต้องการโครงสร้างของตัวบล็อกแบบใดบ้าง ในที่นี้ก็จะรวมถึงบทความหลักและหลักการสำคัญๆ ของหัวข้อ

Research

research = Task(

 description="Break down the subject and do indepth research about {topic}. Explain the functionality, use cases, etc. of the topic",

 expected_output="An elaborate summary of 4000 words on the topic or list of topics: {topic}",

 agent=researcher

)

กำหนดให้ทำการค้นหาข้อมูลตามหัวข้อและสรุปแต่ละหัวข้อที่ได้ทำการค้นหาออกมา

Write

write = Task

   description="Write an exhaustive engaging blog post about the {topic}, based on the research analyst’s summary.",

   expected_output="A 2000 word blog post formatted in markdown with engaging, informative, and accessible content, avoiding complex jargon.", 

   agent=writer, 

)

ทำการเขียนบล็อกจากสิ่งที่ได้จากการค้นหามา

Edit

edit = Task

   description="Review and polish the blog post, ensuring quality and alignment with the outline.", 

   expected_output="A polished, error-free blog post with enhanced structure and tone."

                   "Making sure the blog is easy to read and understand.", 

   agent=editor, 

   output_file="blog_post.md",

)

ทำการตรวจสอบและแก้ไขให้บทความความดึงดูดน่าอ่าน

7.  สร้างทีมการทำงานให้กับ Agents

from crewai import Crew, Process 

crew = Crew

   agents=[planner, researcher, writer, editor], 

   tasks=[plan, research, write, edit], 

   verbose=True,

   process=Process.sequential,  

)

สร้างกลุ่มการทำงานจากที่ได้กำหนดมา

8. เริ่มการทำงาน

result = crew.kickoff(inputs={"topic": "Generative AI in 2025: A Game Changer for Businesses"})

เริ่มการทำงานด้วยการเขียนบทความ “Generative AI in 2025: A Game Changer for Businesses” หลังจากนั้นตัว agent แต่ละตัวจะเริ่มทำงานของตัวเองซึ่งใช้เวลาไม่นานนักก็จะได้ผลลัพท์ออกมา

เราลองตรวจสอบผลที่ได้จากการทำงาน ของ Agentic AI

Generative AI ในปี 2025: ตัวเปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจบทนำปี 2025 มาถึงแล้ว Generative AI ไม่ใช่แค่แนวคิดอนาคตอีกต่อไป แต่มันคือเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและนิยามกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ เทคโนโลยีทรงพลังนี้สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ได้ ตั้งแต่ข้อความและรูปภาพไปจนถึงโค้ดและดนตรี กำลังปฏิวัติวิธีการดำเนินงาน นวัตกรรม และการเชื่อมต่อกับลูกค้าของบริษัท บทความนี้จะสำรวจศักยภาพและความท้าทายของ Generative AI โดยตรวจสอบการใช้งาน ประโยชน์ ความเสี่ยง และเส้นทางกลยุทธ์สำหรับธุรกิจที่กำลังนำทางการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีนี้ เราจะเจาะลึกตัวอย่างเฉพาะในหลายภาคส่วน โดยให้ข้อมูลเชิงปฏิบัติสำหรับการนำทางภูมิทัศน์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วนี้

ทำความเข้าใจ Generative AI
Generative AI เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญเหนือกว่า AI แบบดั้งเดิม ซึ่งแตกต่างจาก AI แบบดั้งเดิมที่ส่วนใหญ่วิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ Generative AI สร้าง เนื้อหาใหม่ ลองนึกภาพอัลกอริธึมที่เรียนรู้ความแตกต่างของภาษา รูปภาพ หรือโน้ตดนตรี จากนั้นใช้ความรู้นี้เพื่อสร้างผลงานต้นฉบับทั้งหมด สิ่งนี้ทำได้ผ่านแบบจำลองที่ซับซ้อนเช่น Generative Adversarial Networks (GANs) และ transformers โดยแต่ละแบบใช้การเรียนรู้และวิธีการสร้างที่ไม่เหมือนกัน เครื่องมือต่างๆ เช่น DALL-E 2, Midjourney และ GPT-4 แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่น่าทึ่งของเทคโนโลยีนี้แล้ว โดยสร้างภาพที่สวยงามและข้อความที่คล้ายมนุษย์อย่างน่าทึ่ง แบบจำลองเหล่านี้เรียนรู้รูปแบบและโครงสร้างจากชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้สามารถสร้างผลลัพธ์ใหม่ที่แบ่งปันลักษณะของข้อมูลการฝึกอบรม แต่ไม่ใช่สำเนาโดยตรง ความสามารถในการสร้างเนื้อหาต้นฉบับนี้เปิดโอกาสมากมายสำหรับธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ ที่แกนกลาง Generative AI เรียนรู้รูปแบบและความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนภายในข้อมูลและใช้ความเข้าใจนี้เพื่อสร้างข้อมูลใหม่ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจาก AI แบบดั้งเดิมซึ่งมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์และการคาดการณ์ตามข้อมูลที่มีอยู่

การประยุกต์ใช้ Generative AI ในอุตสาหกรรมต่างๆการประยุกต์ใช้ Generative AI นั้นกว้างขวางและขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ต่อไปนี้คือตัวอย่างสำคัญบางส่วน:

การตลาดและโฆษณา: Generative AI ช่วยให้สามารถสร้างแคมเปญโฆษณาที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างมาก โพสต์โซเชียลมีเดียที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละราย และเนื้อหาการตลาดทางอีเมลแบบไดนามิกที่ปรับเปลี่ยนแบบเรียลไทม์ตามพฤติกรรมของลูกค้า ระดับการปรับแต่งนี้ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและอัตราการแปลงอย่างมาก ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนทางการตลาดเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าสามารถใช้ Generative AI เพื่อสร้างข้อความโฆษณาและภาพที่ไม่ซ้ำกันสำหรับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญให้สูงสุด ลองนึกภาพโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายโดยปรับเปลี่ยนแบบไดนามิกตามพฤติกรรมการเรียกดูแบบเรียลไทม์ หรือบรรทัดหัวเรื่องอีเมลที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลที่เพิ่มอัตราการเปิดอย่างมาก

บริการลูกค้า: แชทบอทที่ใช้ AI กำลังพัฒนาไปไกลกว่าคำถามที่พบบ่อย Generative AI ช่วยให้แชทบอทสามารถเข้าใจคำถามที่ซับซ้อน ให้คำตอบที่ละเอียดอ่อน และคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้ นำไปสู่ความพึงพอใจของลูกค้าที่ดีขึ้นและเวลาในการรอคอยที่ลดลง ลองนึกภาพธนาคารที่ใช้แชทบอท Generative AI ในการจัดการคำถามเกี่ยวกับบัญชีที่ซับซ้อน ให้บริการโซลูชันที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลและลดความไม่พอใจของลูกค้า แชทบอทเหล่านี้สามารถจัดการคำถามที่หลากหลายมากขึ้น ให้คำตอบที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์มากขึ้น นำไปสู่ความพึงพอใจของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและภาระงานที่ลดลงสำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้า

การพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์: Generative AI เร่งกระบวนการออกแบบโดยการสร้างตัวเลือกการออกแบบหลายๆ ตัวเลือกตามพารามิเตอร์ที่ระบุ สิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถสำรวจความเป็นไปได้ที่หลากหลายมากขึ้น นำไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลองพิจารณาผู้ผลิตรถยนต์ที่ใช้ Generative AI ในการสำรวจรูปแบบอากาศพลศาสตร์และความสวยงามหลายพันแบบสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ ทำให้ลดเวลาและต้นทุนในการออกแบบลงอย่างมาก สิ่งนี้นำไปสู่การออกแบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การลดของเสียจากวัสดุ และเวลาในการวางจำหน่ายที่เร็วขึ้น

การพัฒนาซอฟต์แวร์: Generative AI ทำให้งานการเขียนโค้ดซ้ำๆ เป็นแบบอัตโนมัติ สร้างโค้ดสแนปช็อต และช่วยในการแก้จุดบกพร่อง สิ่งนี้ช่วยเร่งวงจรชีวิตการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างมาก ลดต้นทุนและช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถมุ่งเน้นไปที่ความท้าทายที่ซับซ้อนมากขึ้น ลองนึกภาพบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใช้ Generative AI ในการสร้างโค้ดแบบสำเร็จรูปโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้พัฒนาสามารถมุ่งเน้นไปที่ฟังก์ชันหลักและนวัตกรรมได้ สิ่งนี้นำไปสู่วงจรการพัฒนาที่เร็วขึ้น ข้อผิดพลาดที่ลดลง และประสิทธิภาพของผู้พัฒนาที่เพิ่มขึ้น

การดูแลสุขภาพ: Generative AI วิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ ช่วยในการค้นพบยา และปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ศักยภาพในการปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วยนั้นมหาศาล ตัวอย่างเช่น Generative AI สามารถวิเคราะห์การสแกนทางการแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติเล็กน้อย ช่วยในการวินิจฉัยและรักษาในระยะเริ่มต้น สิ่งนี้นำไปสู่การวินิจฉัยที่แม่นยำยิ่งขึ้น แผนการรักษาที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และการดูแลผู้ป่วยที่ดีขึ้นการเงิน: Generative AI ใช้สำหรับการตรวจจับการฉ้อโกง การประเมินความเสี่ยง และการซื้อขายแบบอัลกอริธึม ปรับปรุงประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงทางการเงิน สถาบันการเงินสามารถใช้ Generative AI เพื่อระบุรูปแบบธุรกรรมที่ผิดปกติ ทำให้สามารถตรวจสอบกิจกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกงได้ สิ่งนี้นำไปสู่การจัดการความเสี่ยงที่ดีขึ้น การลดการสูญเสียจากการฉ้อโกง และกลยุทธ์การซื้อขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การศึกษา: ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการของนักเรียนแต่ละคนกำลังกลายเป็นความจริงด้วย Generative AI แพลตฟอร์มการศึกษาสามารถใช้ Generative AI เพื่อสร้างสื่อการเรียนรู้และการประเมินผลที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ปรับให้เข้ากับจังหวะและรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน สิ่งนี้นำไปสู่ประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีส่วนร่วมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลลัพธ์ของนักเรียนที่ดีขึ้น และภาระงานของครูที่ลดลง

ประโยชน์ของ Generative AI สำหรับธุรกิจการนำ Generative AI มาใช้มีข้อดีที่น่าสนใจ:

ประสิทธิภาพและผลิตภาพที่เพิ่มขึ้น: การทำงานซ้ำๆ ที่เป็นแบบอัตโนมัติช่วยให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมที่มีมูลค่าสูงขึ้น ส่งผลให้ผลิตภาพโดยรวมเพิ่มขึ้น สิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์และบรรลุผลผลิตที่มากขึ้นด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ งานต่างๆ เช่น การป้อนข้อมูล การสร้างรายงาน และการสอบถามบริการลูกค้าขั้นพื้นฐานสามารถทำให้อัตโนมัติได้ ทำให้พนักงานสามารถทำงานเชิงกลยุทธ์และสร้างสรรค์ได้มากขึ้น

การลดต้นทุน: ต้นทุนแรงงานที่ลดลงและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ประหยัดต้นทุนอย่างมากในหลายแผนก การทำงานอัตโนมัติช่วยลดความต้องการแรงงานด้วยตนเอง ทำให้ประหยัดต้นทุนได้อย่างมากในระยะยาว สิ่งนี้นำไปสู่ความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นและความได้เปรียบในการแข่งขันที่แข็งแกร่งขึ้น

การตัดสินใจที่ดีขึ้น: Generative AI วิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบต่างๆ ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าสำหรับการตัดสินใจที่ดีขึ้น วิธีการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถเลือกสิ่งที่ถูกต้องและมีกลยุทธ์มากขึ้น โดยการระบุรูปแบบและแนวโน้มที่ซ่อนอยู่ ธุรกิจสามารถทำนายได้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม

ประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น: ประสบการณ์ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลและเวลาตอบสนองที่เร็วขึ้นนำไปสู่ความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น การมีปฏิสัมพันธ์ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมและบริการที่มีประสิทธิภาพสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่แข็งแกร่งขึ้น ข้อเสนอแนะที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล การตลาดที่กำหนดเป้าหมาย และบริการลูกค้าที่มีประสิทธิภาพสามารถนำไปสู่การมีส่วนร่วมของลูกค้าและความภักดีที่เพิ่มขึ้น

กระแสรายได้ใหม่ๆ: Generative AI ช่วยให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ เปิดโอกาสให้เกิดรายได้ใหม่ๆ และความได้เปรียบในการแข่งขัน นวัตกรรมนี้สามารถนำไปสู่การพัฒนาข้อเสนอที่ไม่เหมือนใครและการขยายตลาด ธุรกิจสามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ก่อนหน้านี้เป็นไปไม่ได้ นำไปสู่กระแสรายได้ใหม่ๆ และความเป็นผู้นำในตลาด

นวัตกรรมที่เร็วขึ้น: โดยการทำงานอัตโนมัติและให้ข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ Generative AI ช่วยเร่งความเร็วของนวัตกรรมอย่างมาก ธุรกิจสามารถนำผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น ทำให้ได้เปรียบในการแข่งขัน สิ่งนี้นำไปสู่วงจรการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เร็วขึ้น การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เร็วขึ้น และตำแหน่งในการแข่งขันที่แข็งแกร่งขึ้น

ความท้าทายและความเสี่ยงของ Generative AIแม้จะมีศักยภาพ แต่ธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ:

ข้อกังวลด้านจริยธรรม: อคติในข้อมูลการฝึกอบรมอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลือกปฏิบัติ ข้อกังวลเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาและการละเมิดลิขสิทธิ์จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ การพัฒนาและการใช้งาน AI ที่มีความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงเหล่านี้ ความโปร่งใสและความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขข้อกังวลด้านจริยธรรม ธุรกิจต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบ AI ของตนมีความยุติธรรม ไร้อคติ และเป็นไปตามข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

การว่างงาน: การทำงานอัตโนมัติอาจนำไปสู่การสูญเสียงานในบางภาคส่วน ความคิดริเริ่มในการพัฒนาทักษะใหม่และการฝึกอบรมใหม่เป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงนี้และเตรียมกำลังคนสำหรับตลาดงานที่เปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจจำเป็นต้องลงทุนในโปรแกรมการฝึกอบรมและพัฒนาเพื่อช่วยให้พนักงานปรับตัวให้เข้ากับตลาดงานที่เปลี่ยนแปลงไปและได้รับทักษะใหม่ๆ

ต้นทุนการใช้งาน: ต้นทุนในการใช้งานและบำรุงรักษาระบบ Generative AI อาจสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การวางแผนและการจัดสรรทรัพยากรอย่างรอบคอบเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดการต้นทุนการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจจำเป็นต้องประเมินต้นทุนและประโยชน์ของการใช้งาน Generative AI อย่างรอบคอบและพัฒนาวิธีการแบบแบ่งขั้นตอนเพื่อลดการลงทุนเบื้องต้น

ความปลอดภัยของข้อมูล: แบบจำลอง Generative AI ต้องการข้อมูลจำนวนมาก ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการละเมิดความปลอดภัย มาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ธุรกิจจำเป็นต้องใช้โปรโตคอลความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลของตนจากการเข้าถึงและการละเมิดโดยไม่ได้รับอนุญาต

การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ: การขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะความสามารถในการพัฒนา ใช้งาน และจัดการระบบ Generative AI เป็นอุปสรรคสำคัญ การลงทุนในโปรแกรมการฝึกอบรมและพัฒนาเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขช่องว่างด้านทักษะนี้ ธุรกิจจำเป็นต้องลงทุนในโปรแกรมการฝึกอบรมและพัฒนาเพื่อดึงดูดและรักษาผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะในสาขา Generative AI

ตัวอย่างเฉพาะอุตสาหกรรมลองมาดูตัวอย่างเฉพาะ:

ค้าปลีก: ข้อเสนอแนะผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลที่สร้างขึ้นจากประวัติการเรียกดูและรูปแบบการซื้อ แชทบอทบริการลูกค้าอัตโนมัติที่จัดการคำถามทั่วไป และการออกแบบเชิงสร้างสรรค์สำหรับบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและยั่งยืน สิ่งนี้นำไปสู่การเพิ่มยอดขาย ความพึงพอใจของลูกค้าที่ดีขึ้น และต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลงการเงิน: ระบบตรวจจับการฉ้อโกงที่ซับซ้อนที่ระบุรูปแบบธุรกรรมที่ผิดปกติ แบบจำลองการจัดการความเสี่ยงขั้นสูงที่คาดการณ์วิกฤตการณ์ทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น และคำแนะนำทางการเงินที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการและโปรไฟล์ความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย สิ่งนี้นำไปสู่การลดการสูญเสียทางการเงิน การจัดการความเสี่ยงที่ดีขึ้น และการบริการลูกค้าที่ได้รับการปรับปรุง

สื่อ: การสร้างเนื้อหาอัตโนมัติสำหรับสรุปข่าวและโพสต์โซเชียลมีเดีย ฟีดข่าวที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลตามความต้องการ และศิลปะเชิงสร้างสรรค์สำหรับเนื้อหาภาพที่ไม่เหมือนใครและมีส่วนร่วม สิ่งนี้นำไปสู่ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในการสร้างเนื้อหา ประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ปรับแต่งให้เหมาะสม และกระแสรายได้ใหม่ๆ

การผลิต: การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมโดยใช้ Generative AI เพื่อสำรวจพารามิเตอร์การออกแบบต่างๆ การลดของเสียจากวัสดุผ่านการวางแผนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตผ่านการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์และการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการ สิ่งนี้นำไปสู่การลดต้นทุน คุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น และประสิทธิภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้นสรุปGenerative AI พร้อมที่จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจในปี 2025 แม้จะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นนั้นมหาศาล บริษัทต่างๆ ที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ก่อน แก้ไขข้อพิจารณาด้านจริยธรรม และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรที่จำเป็น จะอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับความสำเร็จ กุญแจสำคัญคือการใช้งานเชิงกลยุทธ์ โดยมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ที่ Generative AI สามารถสร้างมูลค่าได้มากที่สุดในขณะที่ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยการทำความเข้าใจทั้งโอกาสและความท้าทาย ธุรกิจสามารถใช้พลังของ Generative AI อย่างมีความรับผิดชอบและมีกลยุทธ์ สร้างอนาคตที่เทคโนโลยีและความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน ธุรกิจที่ปรับตัวและสร้างสรรค์นวัตกรรมจะเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุคใหม่ของ Generative AI นี้


แหล่งข้อมูลMcKinsey & Company: ศักยภาพทางเศรษฐกิจของ Generative AI: https://www.mckinsey.com/capabilities/mckinsey-digital/our-insights/the-economic-potential-of-generative-ai-the-next-productivity-frontierHarvard Business Review: 6 วิธีที่ AI เปลี่ยนธุรกิจในปี 2024 ตามที่ผู้บริหารกล่าว: https://hbr.org/2025/01/6-ways-ai-changed-business-in-2024-according-to-executivesForbes: อนาคตของ Generative AI: สิ่งที่คาดหวังในปี 2025: https://www.forbes.com/councils/forbesbusinesscouncil/2024/12/17/the-future-of-generative-ai-what-to-expect-in-2025/Harvard Business Review: แบบสำรวจ: GenAI กำลังทำให้บริษัทต่างๆ มุ่งเน้นข้อมูลมากขึ้น: https://hbr.org/2024/01/survey-genai-is-making-companies-more-data-orientedForbes: ต้นทุนด้านความปลอดภัยที่ซ่อนอยู่ของการใช้งาน Generative AI อย่างรวดเร็ว: https://www.forbes.com/sites/hessiejones/2024/12/18/the-hidden-security-costs-of-rapid-generative-ai-implementation/

สรุป

ตอนนี้ในการใช้ AI นั้นได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เครื่องมือในการพัฒนา Agent อย่าง CrewAI ก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งให้เหล่านักพัฒนา LLM Application นั้นสามารถที่จะพัฒนาได้ง่ายขึ้น และเมื่อได้ Agent แล้วเราก็สามารถนำไปช่วยเพิ่ม productivity ต่างๆ ในการทำงานได้อย่างดี 

Teerapat Khunpech
Teerapat Khunpech
Data and AI Solutions Technical Team Lead ดูแลทีมและโครงการ Data สนใจเทคโนโลโยด้าน LLMs และ Agentic AI มีประสบการณ์การจัดการ Data Pipeline Realtime, Near Realtime ข้อมูลขนาดใหญ่ให้กับองค์กรชั้นนำ

Read more

คุณน่าจะชอบบทความนี้