back to top
Friday, May 16, 2025

มาฟังมุมมอง สรุป AI Trend 2025 ด้าน Healthcare AI จาก Google

Share

Healthcare AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการดูแลสุขภาพทั่วโลกอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี Healthcare AI กลายเป็นหัวใจสำคัญในการปรับปรุงกระบวนการวินิจฉัย การรักษา และการบริหารจัดการข้อมูลผู้ป่วย Google ได้ระบุ 5 เทรนด์หลักที่จะมีบทบาทสำคัญในปี 2025 ซึ่ง Healthcare AI จะเข้ามามีบทบาทในทุกด้าน เทรนด์แรกเน้นการนำ AI หลายรูปแบบ (Multimodal AI) มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์จากแหล่งต่าง ๆ ทั้งภาพทางการแพทย์ บันทึกผู้ป่วย และข้อมูลจีโนมิกส์ Healthcare AI ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำและมีความครอบคลุม เทรนด์ที่สองมุ่งเน้นการพัฒนา AI Agents ที่ช่วยขับเคลื่อน Healthcare AI จากการใช้งานแบบ chatbot ธรรมดาสู่ระบบอัตโนมัติที่สามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างอัจฉริยะ เทรนด์ที่สามคือ Assistive Search ที่ Healthcare AI จะช่วยให้การค้นคว้าวิจัยและการสืบค้นข้อมูลทางการแพทย์เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดภาระงานของผู้เชี่ยวชาญและเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักและวิเคราะห์ทุกเทรนด์สำคัญที่ Healthcare AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกของการแพทย์ ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ที่แม่นยำ การใช้ AI agents ในการบริหารงาน และการค้นคว้าวิจัยที่รวดเร็ว ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ผู้ป่วยที่ราบรื่นและการเสริมสร้างความปลอดภัยในระบบ Healthcare AI ทั้งหมดนี้เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Healthcare AI สามารถพัฒนาและเติบโตไปในอนาคตอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Healthcare AI ทั้ง 5 ด้าน นำเสนอแนวทางและโซลูชันที่ Google Cloud ได้พัฒนาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุค AI ที่ท้าทายและเต็มไปด้วยโอกาสแห่งนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับองค์กรในวงการแพทย์ที่จะก้าวสู่อนาคต AI ที่มั่นคงและปลอดภัย.

Trend 1: การนำ Healthcare AI และโมเดล AI หลายรูปแบบ (Multimodal AI) มาใช้ในวงการสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์

ข้อมูลและเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการดูแลสุขภาพ ด้วย Healthcare AI การบริหารจัดการข้อมูลทางการแพทย์ในทุกแง่มุม เช่น บันทึกการรักษา ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ภาพทางการแพทย์ และข้อมูลจีโนม ได้กลายเป็นความท้าทายที่ต้องใช้วิธีการใหม่ ๆ ในการวิเคราะห์และสรุปผล

เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำและเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจทางการแพทย์ ในปัจจุบัน วงการสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์กำลังเผชิญกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อมูลเหล่านี้มาจากหลายแหล่งที่มีลักษณะและรูปแบบที่แตกต่างกัน ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการแบบเดิม ๆ ไม่เพียงพอต่อการให้บริการที่แม่นยำและรวดเร็ว การวิเคราะห์ที่ครอบคลุมข้อมูลหลากหลายรูปแบบจึงจำเป็นต่อการพัฒนาแนวทางการรักษาที่เป็นเฉพาะบุคคลและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วยในแต่ละราย การนำ Healthcare AI มาใช้จึงมีแนวโน้มที่จะช่วยเรื่องนี้ได้อย่างมาก Trend 1: การนำโมเดล AI หลายรูปแบบ (Multimodal AI) มาใช้ในวงการสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์

Healthcare AI Trend 2025

การนำ AI หลายรูปแบบ (Multimodal AI) เข้ามาใช้ในกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นทางเลือกที่ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ได้ในระบบเดียวกัน ทำให้สามารถสรุปและตีความข้อมูลเชิงลึกได้อย่างแม่นยำและมีบริบทครบถ้วน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยในการวินิจฉัยโรค แต่ยังสนับสนุนการพัฒนาการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย นอกจากนี้ การใช้ AI หลายรูปแบบยังช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การดูแลผู้ป่วยและพัฒนาการบริการได้มากยิ่งขึ้น

กรณีศึกษาการใช้งานจริง Prudential และ Bayer

บริษัท Prudential ใช้ชุดภาษา MedLM ของ Google เพื่อสรุปและวิเคราะห์เอกสารเกี่ยวกับการเคลมทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นรายงานการแพทย์หรือใบแจ้งหนี้ ทำให้กระบวนการอนุมัติและจ่ายเงินสามารถดำเนินการได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัท Bayer ก็ได้ใช้ AI ในการวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ โดยระบบจะช่วยแปลงข้อมูลภาพที่ซับซ้อนให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจของแพทย์และนักวิเคราะห์ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลาในการตรวจวินิจฉัย แต่ยังช่วยให้การวินิจฉัยและการรักษามีความแม่นยำและเป็นส่วนตัวมากขึ้น

Trend 2: การพัฒนา AI Agents – จาก Chatbot สู่ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ

ในหลายองค์กร โดยเฉพาะในภาคส่วนสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์ งานด้านการสื่อสารและการจัดการงานที่ซับซ้อน เช่น การส่งต่อข้อมูลระหว่างทีมพยาบาล หรือการจัดการคำสั่งซื้อของลูกค้า ยังคงต้องดำเนินการด้วยวิธีการแบบเดิมที่ต้องใช้มนุษย์คอยประสานงาน แม้ว่า chatbot จะเข้ามามีบทบาทในการตอบคำถามพื้นฐาน แต่ระบบเหล่านี้กลับขาดความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างลึกซึ้งและการจัดการกระบวนการที่มีความซับซ้อนในระดับสูง

การเปลี่ยนผ่านสู่ AI agents ที่มีความสามารถในเรื่องการวางแผนและการตัดสินใจได้เอง ถือเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพขององค์กร โดยเฉพาะในภาคส่วนที่ต้องรับมือกับงานที่มีความหลากหลายและซับซ้อน

การพัฒนา AI Agents – จาก Chatbot สู่ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ถึงจุดที่พร้อมจะเข้ามาตอบโจทย์เรื่องนี้

Healthcare AI Trend 2025

ระบบ multi-agent ที่ประกอบด้วย AI agents หลายตัว ซึ่งแต่ละตัวจะมีความสามารถเฉพาะด้าน เช่น การดูแลลูกค้า การสนับสนุนด้านข้อมูล หรือแม้แต่การวิเคราะห์ด้านความปลอดภัย ทำให้องค์กรสามารถ:

  • ลดภาระงานที่ต้องใช้คนดำเนินการซ้ำซ้อน
  • เพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการประมวลผลข้อมูลและตัดสินใจ
  • อำนวยความสะดวกในการประสานงานระหว่างทีมงานและกระบวนการที่หลากหลาย

ด้วยแนวทางนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้บุคลากรสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย

กรณีศึกษาการใช้งานจริง Elanco

ตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำ AI agents มาใช้ในระบบธุรกิจ คือกรณีของบริษัท Elanco ผู้นำในด้านสุขภาพสัตว์ ที่ได้นำกรอบการทำงาน gen AI มาประยุกต์ใช้ โดยอาศัยเทคโนโลยีจาก Vertex AI และ Gemini ระบบดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกระบวนการที่สำคัญ เช่น การติดตามความปลอดภัยของยา (Pharmacovigilance) การจัดการคำสั่งซื้อของลูกค้า และการวิเคราะห์ข้อมูลคลินิก ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระงานด้านการจัดการเอกสาร แต่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้โดยประมาณถึง 1.9 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เริ่มใช้งานในปีที่ผ่านมา

ระบบ AI agents ที่ถูกพัฒนาขึ้นในลักษณะนี้ไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อความต้องการในการจัดการงานที่มีความซับซ้อนเท่านั้น แต่ยังสามารถทำงานร่วมกันในรูปแบบ multi-agent system ได้อย่างราบรื่น โดยแต่ละ agent จะรับผิดชอบในงานที่แตกต่างกันและประสานกันเพื่อให้กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น การส่งต่อข้อมูลระหว่างฝ่ายที่เกี่ยวข้องในกระบวนการดูแลผู้ป่วย หรือการประสานงานเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกทางคลินิกถูกนำไปใช้ในการตัดสินใจที่สำคัญ

Trend 3: Assistive Search – ยุคใหม่ของการค้นหาความรู้อัจฉริยะ

การค้นหาข้อมูลแบบเดิม ๆ ไม่อาจตอบสนองความต้องการของนักวิจัยและบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างเต็มที่ ปัจจุบัน ผู้ใช้งานต้องเผชิญกับการค้นหาที่เพียงแค่ดึงข้อมูลออกมาเท่านั้น แต่ไม่สามารถสร้างความเข้าใจในบริบทของข้อมูลที่มีความเฉพาะทางได้

เทคโนโลยี Assistive Search ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เข้ามาประยุกต์ใช้นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยระบบค้นหาที่อัจฉริยะซึ่งสามารถเข้าใจศัพท์เฉพาะทางการแพทย์ คำย่อ และภาษาที่มีความซับซ้อน ระบบนี้ไม่เพียงแต่ดึงข้อมูลออกมา แต่ยังสามารถวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่มีบริบท ทำให้การตัดสินใจทางวิชาการและการให้บริการแก่ผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

การค้นหาข้อมูลด้วยระบบ Assistive Search ยังช่วยลดภาระงานที่ต้องใช้แรงงานคนในการคัดกรองและจัดการข้อมูล ช่วยให้บุคลากรสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่ต้องใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้กระบวนการค้นคว้าวิจัยและการให้บริการลูกค้ามีความแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ

Healthcare AI Trend 2025

กรณีศึกษาการใช้งานจริง Mayo Clinic

หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นของการนำ Assistive Search มาใช้งานคือกรณีของ Mayo Clinic ซึ่งได้มอบสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลคลินิกขนาดใหญ่ถึง 50 petabytes ให้กับนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ผ่านระบบ Vertex AI search ระบบนี้ช่วยให้การค้นหาข้อมูลทางคลินิกสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ รองรับการค้นหาข้อมูลในหลายภาษา ทำให้นักวิจัยสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ทั้งยังช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการคัดกรองข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นคว้าวิจัย

การพัฒนาระบบค้นหาที่มีความเข้าใจบริบทและสามารถประมวลผลคำศัพท์เฉพาะทางเช่นนี้ ถือเป็นการปฏิวัติวงการค้นคว้าวิจัยและการบริการด้านสุขภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้การตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญมีความแม่นยำมากขึ้น แต่ยังเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในตลาด ในทางอ้อมด้วยเช่นกัน

Trend 4: การใช้ gen AI ในการปฏิสัมพันธ์กับหน่วยงานกำกับดูแลและปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า

กระบวนการส่งเอกสารและการปฏิสัมพันธ์กับหน่วยงานกำกับดูแลที่ซับซ้อน ทั้งในด้านการสรุปข้อมูลทางคลินิกและการจัดเตรียมเอกสารที่มีความละเอียดสูง กระบวนการเหล่านี้มักต้องใช้เวลานานและมีความเสี่ยงต่อข้อผิดพลาด นอกจากนี้ การให้บริการลูกค้าในระบบสุขภาพที่ตอบสนองแบบเรียลไทม์และเป็นส่วนตัวยังคงเป็นความท้าทาย เนื่องจากผู้ใช้งานคาดหวังประสบการณ์ที่สูงขึ้น และเข้าใจความต้องการ ในแบบรายบุคคล Personalization

Healthcare AI Trend 2025

การนำเทคโนโลยี gen AI เข้ามาประยุกต์ใช้นั้นเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ในหลายด้านอย่างชัดเจน

  • การสรุปและจัดทำเอกสารอัตโนมัติ: Gen AI สามารถรวบรวมข้อมูลที่ซับซ้อนจากแหล่งต่าง ๆ และสรุปออกมาเป็นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ช่วยลดเวลาที่ใช้ในการจัดทำเอกสารส่งต่อหน่วยงานกำกับดูแล และลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดในการตรวจสอบเอกสาร
  • การสื่อสารและประสบการณ์ลูกค้า: ด้วยความสามารถในการสร้างการสนทนาแบบเรียลไทม์และตอบสนองตามบริบท Gen AI ช่วยให้การให้บริการลูกค้าผ่านระบบสนทนาและสื่อสารด้วยเสียงเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่รู้สึกว่าตนกำลังโต้ตอบกับเครื่องจักร
  • การปรับปรุงความโปร่งใสและความแม่นยำ: ด้วยการมีระบบตรวจสอบและมีมนุษย์คอยควบคุมขั้นตอนสุดท้าย Gen AI สามารถรักษาความถูกต้องและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล

ตัวอย่างหนึ่งของการนำ gen AI ไปใช้คือในกระบวนการส่งเอกสารสำหรับขออนุมัติยาใหม่

  • ระบบสรุปเอกสารอัตโนมัติ: บริษัทเภสัชกรรมบางแห่งได้นำ gen AI มาประยุกต์ใช้เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกและเอกสารวิชาการ จากนั้นระบบจะสรุปเนื้อหาที่สำคัญออกมาเป็นร่างเอกสารส่งต่อหน่วยงานกำกับดูแล ทำให้ระยะเวลาการเตรียมเอกสารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งลดต้นทุนและความเสี่ยงจากความผิดพลาดในการพิมพ์เอกสาร
  • การสื่อสารแบบเรียลไทม์: อีกหนึ่งการใช้งานที่น่าสนใจคือการพัฒนาระบบสนทนาอัตโนมัติที่ใช้ gen AI ซึ่งช่วยให้ลูกค้าหรือผู้ป่วยสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และขั้นตอนการขออนุมัติได้อย่างรวดเร็ว ระบบนี้สามารถประมวลผลและให้คำแนะนำที่แม่นยำ โดยมีระบบควบคุมที่ตรวจสอบและแก้ไขคำตอบให้ถูกต้องก่อนส่งมอบแก่ผู้ใช้
  • กรณีศึกษา: สมมุติว่า “บริษัท A” ได้รับมอบหมายให้ลดเวลาการตรวจสอบและส่งเอกสารให้กับหน่วยงานกำกับดูแล ด้วยการนำระบบ gen AI มาประยุกต์ใช้ บริษัทสามารถลดเวลาจัดทำเอกสารลงได้ถึง 40% พร้อมทั้งเพิ่มความถูกต้องและความสอดคล้องของเอกสาร ส่งผลให้การอนุมัติเอกสารรวดเร็วขึ้นและลดต้นทุนในการพัฒนายา

การนำ gen AI เข้ามาประยุกต์ใช้ในกระบวนการปฏิสัมพันธ์กับหน่วยงานกำกับดูแลและการปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าเป็นการปฏิวัติวงการเภสัชกรรมและชีววิทยาศาสตร์ในยุค 2025 เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระงานที่ต้องใช้แรงงานคน แต่ยังช่วยให้การสื่อสารและการตัดสินใจมีความแม่นยำและรวดเร็วขึ้น ช่วยทั้งลูกค้า และธุรกิจในเวลาเดียวกัน

Trend 5: การเสริมสร้างความปลอดภัยและการป้องกันภัยไซเบอร์ในยุค AI

บริษัทในภาคส่วนสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์ต่างต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี AI อย่างกว้างขวาง ภัยคุกคามเหล่านี้มีลักษณะเฉพาะเช่น

  • Deepfakes ที่สามารถสร้างภาพหรือวิดีโอปลอมที่ดูเหมือนจริง ทำให้ข้อมูลทางการแพทย์หรือรายงานวิจัยถูกปลอมแปลง
  • Prompt injection ที่ทำให้ระบบ AI ตอบสนองผิดพลาดหรือเปิดเผยข้อมูลสำคัญ
  • การโจมตีอื่น ๆ ที่อาศัยการปลอมแปลงข้อมูลและการเจาะระบบเครือข่าย

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของข้อมูลในวงการสุขภาพถูกท้าทายอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจทางการแพทย์และความปลอดภัยของผู้ป่วย

ความสำคัญของการนำ Solutions มาช่วยตอบโจทย์

การนำโซลูชั่นด้านความปลอดภัยเข้ามาประยุกต์ใช้ในระบบ AI ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ข้อมูลมีความละเอียดอ่อนและเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวินิจฉัยและการรักษา

  • ลดความเสี่ยงจาก deepfakes และ prompt injection: ด้วยการใช้ระบบตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ระบบจะสามารถระบุและป้องกันการโจมตีที่อาจแฝงมาในรูปแบบของ deepfakes หรือคำสั่งที่ไม่ถูกต้องได้
  • เสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้: เมื่อมีการใช้งานระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และผู้ป่วยจะมีความมั่นใจมากขึ้นในการใช้งานระบบ AI และข้อมูลที่ได้รับจะมีความน่าเชื่อถือสูง
  • ลดผลกระทบทางธุรกิจและกฎหมาย: การป้องกันภัยไซเบอร์ช่วยลดโอกาสเกิดเหตุการณ์รั่วไหลของข้อมูล ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางด้านการเงิน ชื่อเสียง และการดำเนินคดีตามกฎหมายได้
Healthcare AI Trend 2025

เพื่อรับมือกับภัยไซเบอร์ในยุค AI บริษัทชั้นนำในภาคสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์เริ่มลงทุนพัฒนาโซลูชั่นและกลยุทธ์ป้องกันภัยไซเบอร์ที่ทันสมัย โดยมีแนวทางหลัก ๆ ดังนี้

  1. การเสริมสร้างทีม “Red Team” และการทดสอบระบบ (Red Teaming):
    • บริษัทต่าง ๆ ได้สร้างทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเพื่อทำการโจมตีจำลองระบบ AI (Red Teaming) โดยทีมเหล่านี้จะพยายามหาจุดอ่อนในระบบและทดสอบความสามารถในการต้านทานภัยคุกคามต่าง ๆ
    • ตัวอย่างเช่น การทดสอบ prompt injection เพื่อดูว่าสามารถเจาะระบบและดึงข้อมูลสำคัญออกมาได้หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้สามารถปรับปรุงและเสริมสร้างมาตรการความปลอดภัยให้แข็งแกร่งขึ้น
  2. การใช้เทคโนโลยี Blockchain สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล:
    • การใช้ Blockchain ในการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลทางการแพทย์ เช่น การตรวจสอบเอกสาร การรับรองตัวตนของภาพและวิดีโอ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจาก deepfakes และการปลอมแปลงข้อมูล
    • โซลูชั่นนี้สามารถใช้เพื่อให้แน่ใจว่าเอกสารทางการแพทย์ที่ถูกส่งต่อหรือจัดเก็บนั้นมีความถูกต้องและมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้
  3. การประยุกต์ใช้ AI สำหรับการตรวจจับภัยคุกคาม (AI-based Threat Detection):
    • พัฒนาเครื่องมือที่ใช้ AI ในการตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติและภัยคุกคามในเวลาจริง ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบเครือข่ายและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกัน
    • ระบบเหล่านี้สามารถแจ้งเตือนทีมความปลอดภัยทันทีเมื่อพบพฤติกรรมหรือเหตุการณ์ที่ผิดปกติ ซึ่งช่วยให้ตอบสนองและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
  4. การใช้ระบบ “Human-in-the-loop” ในการตรวจสอบและควบคุมผลลัพธ์ของ AI:
    • เนื่องจาก AI ยังมีความเสี่ยงจากการให้ผลลัพธ์ที่ผิดพลาด (AI hallucination) การมีมนุษย์คอยตรวจสอบผลลัพธ์ของระบบจึงเป็นสิ่งสำคัญ
    • ผู้เชี่ยวชาญจะตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นโดย AI ก่อนที่จะนำไปใช้งานจริง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและลดความเสี่ยงในการใช้ข้อมูลที่ผิดพลาด

การโจมตีทางไซเบอร์อื่น ๆ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลทางการแพทย์
เพื่อรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้ บริษัทในภาคสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์ได้เริ่มลงทุนพัฒนาโซลูชั่นที่ครอบคลุม ตั้งแต่การสร้างทีม Red Team ที่มีความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย การนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ไปจนถึงการพัฒนาระบบ AI ที่สามารถตรวจจับภัยคุกคามได้แบบเรียลไทม์ พร้อมกับการมีมนุษย์คอยตรวจสอบเพื่อรับประกันความถูกต้องของผลลัพธ์

ในที่สุด Healthcare AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีการดูแลสุขภาพอย่างมหาศาล ด้วยแนวโน้มทั้ง 5 ด้านที่เราได้สรุปไว้ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Multimodal AI, การใช้งาน AI Agents ที่ทรงประสิทธิภาพ, Assistive Search ที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว, การปรับปรุงกระบวนการส่งเอกสารด้วย generative AI รวมถึงการเสริมสร้างความปลอดภัยและป้องกันภัยไซเบอร์ ทุกเทรนด์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับคุณภาพการบริการทางการแพทย์ แต่ยังเปิดโอกาสให้ Healthcare AI ก้าวสู่อนาคตที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ติดตามเราเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกและนวัตกรรมใหม่ ๆ ใน Healthcare AI ที่กำลังมาแรงในปี 2025 และช่วยคุณก้าวล้ำในยุคดิจิทัลแห่งการดูแลสุขภาพ!


TLDR; AI Trend 2025 ด้าน Healthcare AI

  1. Multimodal AI: Healthcare AI วิเคราะห์ข้อมูลหลากหลาย (ภาพ, บันทึก, จีโนม) เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่แม่นยำและเฉพาะบุคคล
  2. AI Agents: Healthcare AI ยกระดับจาก chatbot ธรรมดาไปสู่ AI agents ที่สามารถจัดการงานอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการบริหารจัดการ
  3. Assistive Search: Healthcare AI ช่วยให้การค้นคว้าวิจัยและเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์รวดเร็วและมีความเข้าใจในบริบทเฉพาะทาง
  4. Generative AI สำหรับ Regulatory & CX: Healthcare AI ใช้ generative AI สรุปข้อมูลซับซ้อน ช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติและปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า
  5. Cybersecurity: การป้องกันภัยไซเบอร์ใน Healthcare AI เน้นรักษาความปลอดภัยข้อมูลและป้องกัน deepfakes, prompt injection และการโจมตีอื่น ๆ

Healthcare AI กำลังเปลี่ยนแปลงวงการแพทย์อย่างรวดเร็ว – อย่าพลาดที่จะติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้!

IDA Airada
IDA Airada
AI Metaverse Human อัจฉริยะและมาสคอตประจำบริษัท Digithun ตัวแทนแห่งอนาคต เทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้วยบุคลิกฉลาด มั่นใจ และเป็นมิตร ไอด้าจะเป็นผู้เชื่อมโยงโลกเทคโนโลยีกับผู้คน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับยุคดิจิทัล

Read more

คุณน่าจะชอบบทความนี้